7 เม.ย. เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย พร้อมพวงเพชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมือง พื้นที่กรุงเทพมหานคร ดนุพร ปุณณกันต์ ประธานคณะรณรงค์หาเสียงกรุงเทพมหานคร ประภัสร์ จงสงวน ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อลงพื้นที่ เขตธนบุรีโดยนั่งรถไฟจากสภานีวงเวียนใหญ่ไปลงที่สถานีตลาดพลู เดินช่วย ศิลปวิชญ์ น้อยสมมิตร ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตคลองสาน, เขตธนบุรี (ยกเว้นแขวงวัดกัลยาณ์ แขวงหิรัญรูจี และแขวงบางยี่เรือ) เขตราษฎร์บูรณะ (เฉพาะแขวงปางปะกอก) หมายเลข 8 พรรคเพื่อไทยหาเสียง พร้อมสำรวจบรรยากาศค้าขายตลาดยามเย็น โดย เศรษฐาได้ทักทายประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของ
เศรษฐากล่าวว่านี่ถือเป็นครั้งแรกที่ได้มาเดินตลาดพลูได้เห็นสภาพเศรษฐกิจในกรุงเทพมหานคร ซึ่งการลงทุนที่ในครั้งนี้จะเก็บข้อมูลไปรวบรวมหากแก้ปัญหาให้คนกรุงเทพฯหากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล จากนั้นได้นั่งรถไฟไปที่สถานีรถไฟวุฒากาศพบปะประชาชนที่ตลาดเดินเล่น ก่อนจะนั่งรถไฟฟ้า MRT ใต้ดินท่าพระ ไปศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ร่วมงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 51
เศรษฐา กล่าวถึงบรรยากาศที่ได้นั่งรถไฟลงพื้นที่หาเสียงว่าจริงๆแล้วน่าจะเป็นครั้งแรกในรอบ 43 ปี ที่ได้นั่งรถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตั้งแต่อายุ 18 ปีจากนั้นมาก็ได้เป็นนักธุรกิจ ก็เดินทางด้วยเครื่องบินและรถยนต์เหตุผลหนึ่งก็เพราะว่า ได้ยินแล้วได้ฟังมาตลอดว่ารถไฟของประเทศไทยมีปัญหา ทั้งเรื่องของความล่าช้าและสภาพรถที่ไม่ดี แต่วันนี้ก็ได้มาลองนั่งแล้วก็พบว่าราคาตั๋วก็ถูก มาและออกตรงเวลา สภาพสะอาดมาก ซึ่งได้พบปะประชาชนที่ได้ใช้รถไฟเป็นประจำ หน้าตาเขาก็ดูมีความสุขพร้อมชื่นชมการรถไฟแห่งประเทศไทย ว่าทำให้ชีวิตเขาสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น รถก็ไม่ติดลมก็ดี ดังนั้นตนเชื่อว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยน่าจะทำประโยชน์ให้กับประเทศได้อีกเยอะ ในแง่ของการทำความเข้าใจกับประชาชนว่าของเขาดียังไง ตนเองขอชื่นชมซึ่งหากไม่ได้มาลงภาคการเมืองก็คงจะเข้าใจในภาพลักษณ์ที่ผิดๆ ซึ่งบางครั้งได้อ่านหรือฟังอย่างเดียวก็คงไม่พอมันต้องลงพื้นที่จริง
ส่วนสภาพเศรษฐกิจโดยเฉพาะการจับจ่ายในตลาดของประชาชน เศรษฐากล่าวว่า จะเห็นได้ว่าในบริเวณพื้นที่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟก็มักจะมีตลาด ซึ่งมีการจับจ่ายใช้สอยที่ดีหากมีการพัฒนา และแนะนำให้คนมาใช้รถไฟมากยิ่งขึ้น ตนคิดว่าเศรษฐกิจบริเวณสถานีรถไฟหรือว่าชานชาลาก็น่าจะพัฒนาต่อไปได้ โดย ส.ส. ของเราก็มีความสนใจในเรื่องของการทำพื้นที่ทั้งตลาดหรือทำที่จอดรถ ให้ดีขึ้นเพื่อให้ประชาชนจะได้มาจับจ่ายใช้สอย เศรษฐกิจก็จะดีขึ้น
เมื่อถามว่ามองภาพอนาคต หากว่านโยบายของพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะเรื่องของการเติมเงินในกระเป๋าดิจิทัล เข้ามาแล้วสภาพเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร เศรษฐาตอบว่า เป็นเรื่องที่ชัดเจนเพราะเวลาที่ตนเดินในตลาดก็มีประชาชนถามตลอด ว่ามาจริงหรือเปล่ามาเมื่อไหร่และใช้อย่างไร หากว่าพรรคเพื่อไทยได้รับความไว้วางใจเป็นรัฐบาลภารกิจแรกๆก็จะต้องเร่งทำในเรื่องของนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาทตรงนี้
และตนก็มองว่าไม่ต้องรอให้เงินตกไปอยู่ในกระเป๋าแต่จะเป็นจะต้องเร่งในเรื่องของการผลิตสินค้า และร้านค้าต่างๆก็จะต้องเตรียมโปรโมชั่นเพื่อรอรับวันแรกของ การหยอดเหรียญ 10,000 บาทลงไป วันนี้ตนได้เห็นสีหน้าของประชาชนก็รับรู้ว่าเขาคอย เพราะเป็นนโยบายที่ดี เพราะ 8 ปีที่ผ่านมาเขาอยู่ในสภาพที่ยากลำบาก
ส่วนนโยบายนี้จะเป็นปัจจัยให้คนกรุงเทพฯเลือกพรรคเพื่อไทยมากน้อยแค่ไหนนั้น ตนไม่อยากจะขอพูดอะไร แต่หน้าที่ตนคือการขยายความให้ประชาชนได้เข้าใจ และทำความแน่ใจว่าทุกๆนโยบายที่ออกไป เป็นที่โดนใจของประชาชน ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นแรงผลักดันให้ประเทศไทยกลับมาเป็นเสือตัวที่ 5 ของภูมิภาคได้
เศรษฐา ยังกล่าวถึงการช่วย ศิลปวิชญ์ น้อยสมมิตร ผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่หาเสียงในวันนี้ด้วยว่า ไปที่ไหนก็มีแต่คนรู้จัก ศิลปวิชญ์ มีแต่คนทักทาย
เศรษฐา ยังกล่าวติดตลกด้วยอีกว่า จึงเป็นที่มั่นใจได้ว่าในวันที่ 14 พ.ค. ผู้สมัครของเพื่อไทยจะน้ำหนักลง ซึ่งถือเป็น KPI ว่าผู้สมัครกทมพรรคเพื่อไทยจะต้องน้ำหนักลง จากอากาศร้อนและเพราะว่าลงพื้นที่ฟังความคิดเห็นของประชาชนเยอะ และหากได้รับเลือกเข้ามา เมื่อชั่งน้ำหนักแล้วก็ห้ามขึ้น ถ้าน้ำหนักขึ้นแสดงว่าไม่ได้กลับไปเยี่ยมเยียนเขาใหม่ อันนี้ก็ต้องโดน