พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะจัดการประชุมครั้งที่ 20 ในวันที่ 16 ต.ค.นี้ ซึ่งค่อนข้างมีความแน่ชัดว่า ประธานพรรคคอมมิวนิสต์อย่างสี จะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อในวาระที่ 3 หลังจากการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อไม่จำกัดวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศ อันจะเป็นการปูทางให้สีกลายมาเป็นประธานาธิบดีตลอดชีวิต
สื่อของจีนรายงานว่า 33 เมือง รวมถึงศูนย์ระดับจังหวัดและเทศบาลหลักจำนวน 8 แห่ง จะถูกควบคุมโดย “การจัดการแบบคงที่” ในระดับการล็อกดาวน์ขั้นต่ำที่สุด อย่างไรก็ดี การสั่งล็อกดาวน์ดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชน 65 ล้านคน เพื่อการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ก่อนการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์
การล็อกดาวน์ในครั้งนี้จะบังคับใช้มาตรการต่างๆ ได้แก่ การปิดสำนักงาน โรงเรียน สถานบันเทิง ร้านค้า และสถานบริการที่ไม่จำเป็น พนักงานออฟฟิศและข้าราชการต้องทำงานจากที่บ้าน และนักเรียนจะทำการเรียนออนไลน์ ทั้งนี้ โรงพยาบาลยังคงเปิดอยู่ แต่คลินิกเฉพาะทางและทันตกรรมจะถูกสั่งปิด นอกจากนี้ ร้านขายยาจะถูกห้ามขายยาปฏิชีวนะ ยาต้านไวรัส ยาลดไข้ และยาแก้ไอ
การปิดเมืองแบบกึ่งหนึ่ง ถูกบังคับใช้ในเมืองทางตอนใต้ของกวางโจวและเซินเจิ้น ที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน ซึ่งติดกันกับพรมแดนเชื่อมไปยังฮ่องกง เช่นเดียวกับเมืองซีหนิงที่อยู่ติดกับที่ราบสูงทิเบตและเมืองทางเหนือของฉือเจียจวงและฮาร์บิน นอกจากนี้ เมืองทางตะวันตกของเฉิงตูซึ่งมีประชากร 21 ล้านคน เมืองทางตะวันตกของกุ้ยหยาง ลาซาในทิเบต และอุรุมชีในซินเจียงก็ถูกสั่งล็อกดาวน์เช่นกัน
ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (4 ก.ย.) รัฐบาลจีนรายงานพบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่อยู่ที่ 349 ราย ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้ว 6,227 รายใน 31 จังหวัดและเขตเทศบาล โดยถึงแม้ว่าจีนจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อที่ค่อนข้างต่ำ แต่ทางการได้ให้คำมั่นต่อนโยบายของประเทศ ที่จะยึดมั่นในมาตรการโควิดเป็นศูนย์อยู่เรื่อยๆ แม้ว่าประเทศอื่นๆ ในโลกจะเลือกเส้นทางของการอยู่ร่วมกันกับโควิด-19 แล้วก็ตาม
มีรายงานว่า สีได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทางการจีนปรับสมดุลนโยบายโควิดเป็นศูนย์กับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี การปิดเมืองเพื่อการจัดการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ในช่วงเดือน ต.ค.นี้ กลับกินพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจของจีน ซึ่งคำนวณเป็น 35% ของค่า GDP ทั้งประเทศ
มาตรการที่ยืดเยื้อและมักคาดเดาไม่ได้ ส่งผลให้ประชาชนทั่วไปหลายคนไม่พอใจ บางรายบ่นว่าการล็อกดาวน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต ขณะที่รายอื่นๆ แสดงความกังวลว่าพ่อแม่สูงอายุจะไม่สามารถออกไปนอกบ้านได้ หากไม่ได้รับการตรวจหาเชื่อ “ผู้คนอาจอดตายก่อนที่พวกเขาจะติดเชื้อ!” ผู้ใช้โซเชียลมีเดียจีนรายหนึ่งกล่าว โดยผู้ใช้รายอื่นเปรียบเทียบมาตรการที่เข้มงวดกับ “สงครามที่ปราศจากดินปืนซึ่งไม่มีใครสามารถหลบเลี่ยงได้”
ที่มา: