น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยทีมอาสาสมัครสายไหมต้องรอด นำโดย เอกภพ เหลืองประเสริฐ , ตัวแทนผู้นำชุมชน , อาสาสมัครกู้ภัยสยามรวมใจ(ปู่อินทร์ ) ,จักรรัตน์ กนะกาศัย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.พรรคเพื่อไทย ประชุมหารือ เตรียมความพร้อม เพื่อยกระดับการเฝ้าระวัง “โอไมครอน” ในพื้นที่เขตสายไหม หลังพบระบาดหนักทั่วกรุงเทพมหานคร
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า “ที่ผ่านมา เรามีการประชุมเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่ามาโดยตลอด โดยอาศัยความร่วมมือกับทุกองค์กรเครือข่าย ผู้นำชุมชน และกลุ่มจิตอาสา โดยมีเพจและกลุ่มอาสาสมัครสายไหมต้องรอด เป็นสื่อกลางในการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาทีมงานจะลงพื้นที่ทุกวัน โดยแบ่งความช่วยเหลือออกเป็น 4 ภารกิจ คือ 1.จัดหน่วยเคลื่อนที่เร็ว รถประชาสัมพันธ์ แจกแมส เจลล้างมือ และอาสาสมัครเคาะประตูบ้านเพื่อรณรงค์เชิงรุก 2.ช่วยประสานจัดหาเตียง รับส่งโรงพยาบาลฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย 3.จัดชุดตรวจเคลื่อนที่ และ ตรวจเชิงรุกในชุมชนที่มีกลุ่มเสี่ยง และ 4.ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบผลกระทบเศรษฐกิจ โดยมีการแจกจ่ายถุงยังชีพให้แก่พี่น้องสายไหม ซึ่งเราทำมาตลอดกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ”
ที่ประชุมวันนี้ เบื้องต้นจะมีการประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ทุกวัน หากมีแนวโน้มที่คาดว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ก็พร้อมที่จะกลับมาเปิดศูนย์พักคอยเขตสายไหมอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ทีมสายไหมต้องรอด นำโดย เอกภพ เหลืองประเสริฐ ได้จัดทีมอาสาสมัครลงตรวจ ATK เชิงรุกให้กับชุมชน กลุ่มเปราะบาง และกลุ่มเสี่ยงที่กลับมาจากการฉลองปีใหม่ ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจ และขอให้ป้องกันตัวเองให้ดี เนื่องจากเชื้อโอมิครอนอาจติดได้ง่ายกว่าเชื้อเดลต้า
“วันนี้เราจะรอรัฐบาลอย่างเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกันของทุกคนในเขตสายไหมเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งจะเห็นได้ว่าสถานการณ์โควิดในเขตสายไหม เขตใกล้เคียง และปริมณฑล แม้มีการระบาดครั้งใหญ่ แต่เราก็เราสามารถยับยั้ง และป้องกันการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งบางครั้งเมื่อรัฐบาลดูแลไม่ทั่วถึง ประชาชนก็ต้องพึ่งพาอาศัยกันเอง อยากฝากไปถึงพี่น้องประชาชนว่า ทีมสายไหมต้องรอด และทีมอาสาสมัครทุกทีม เราพร้อมเคียงข้างพี่น้องประชาชนในทุกวิกฤต ติดต่อเราได้ที่ เพจสายไหมต้องรอด ” น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว
ด้านเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า อยากประชาสัมพันธ์ให้ชาวสายไหม และพี่น้องประชาชนในทุกเขตได้ยกระดับการป้องกันตัวเองเชิงรุกเพิ่มเติมด้วยการไปฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 โดยหากท่านพ้นระยะเวลารอคอยของวัคซีนเข็มที่ 2 แล้ว อยากให้รีบติดต่อศูนย์สาธารณสุขใกล้บ้านท่านเพื่อลงทะเบียนรับวัคซีนเข็มที่ 3 โดยเร็ว เพราะการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 จะเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายให้สูงขึ้น เพื่อเป็นหลักประกันว่า แม้เราจะติดโควิดสายพันธุ์อะไรก็ตาม ร่างกายของเราจะมีภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับโรคร้ายในครั้งนี้ได้อย่างมั่นใจ
“ตอนนี้เคสในสายไหมเพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ พวกเราจึงออกรณรงค์เชิงรุกสุ่มตรวจในกลุ่มเสี่ยงต่างๆ เพื่อคัดกรองผู้ป่วยเข้าสู่ระบบสาธารณสุขโดยเร็วที่สุด "วันนี้ สายไหมต้องรอด” ต้องขอกราบขอบคุณโรงพยาบาลเด็กเป็นอย่างสูงที่ช่วยรับเคสน้องอายุ 15 เดือน ที่มีอาการป่วยหนัก เข้ารับการรักษาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหากไม่ได้รับการตอบรับโดยเร็วเช่นนี้ น้องคงมีอาการทรุดหนักมากกว่านี้แน่นอน” นายเอกภพ กล่าว