ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ปาฐกถา “มาตรฐานความเป็นมืออาชีพของสื่อมวลชนในยุคดิจิทัล” ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เนื่องในโอกาสครบรอบ 22 ปี สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ โดยระบุว่า ความเป็นมืออาชีพ จริยธรรมหรือจรรยาบรรณของสื่อในยุคก่อนและหลังมีระบบดิจิทัลไม่ต่างกัน เพราะสื่อมีหน้าที่ในการทำความจริงให้ปรากฏ ไม่เอนเอียงและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนนำเสนอออกไป แต่ที่แตกต่างในยุคดิจิทัลคือความเร็วเท่านั้น โดยเฉพาะผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งถือเป็นฐานผู้อ่านหรือกลุ่มเป้าหมายและตลาดที่กว้างด้วย จึงทำให้วงการสื่อสารมวลชนต้องปรับตัวอย่างน้อย 4 ด้านคือ
1. เพิ่มช่องทางสื่อสารต่างๆ ทั้งเว็บไซต์ เพจและอื่นๆ
2. นำเสนอข่าวให้รวดเร็ว
3. ต่อยอดความเร็วของข่าวสาร เพราะสร้างความอยากรู้อยากเห็นให้ผู้บริโภค โดยหาสาเหตุและผลกระทบหรือขยายเนื้อหาข่าวต่อเนื่อง ซึ่งสื่อไทยก็ดำเนินการ 3 ด้านนี้ได้เท่าๆ กันแล้ว
4. สิ่งที่หนังสือพิมพ์ปรับตัวได้ไม่เท่ากัน คือ บางสำนักเป็นข่าวซ้ำกับข่าวในมือถือ แต่บางฉบับจะประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดมารายงานในหนังสือพิมพ์วันรุ่งเช้า คล้ายกับหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์แต่มาประมวลเหตุการณ์รวมถึงมีบทวิเคราะห์เป็นรายวัน
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวด้วยว่า การที่ประชาชนโพสต์เรื่องราวตัวเอง ก็ถือเป็นแหล่งข่าวชั้นดีด้วย โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่กระทบจิตใจประชาชนหรือเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน ดังนั้นสื่อมืออาชีพ ควรเจาะถึงสาเหตุและผลกระทบรวมถึงแนวทางแก้ไขต่อยอดได้ และหากนำเรื่องร้องเรียน หรือความไม่เป็นธรรมต่างๆ ไปขยายเพื่อช่วยเหลือและแก้ปัญหาก็จะยิ่งเป็นเรื่องดี แต่ต้องวิเคราะห์ให้ดี เพราะในโลกโซเชียลอาจมีการสร้างเรื่องเท็จ หวังทำลายชื่อเสียงของอีกคนนึง และสื่อก็อาจตกเป็นเครื่องมือในการขยายข่าวโจมตีฝ่ายตรงข้ามแหล่งข่าวนั้นได้