เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2559 คณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติรับเรื่องร้องเรียนของ 'วรยุทธ อยู่วิทยา' เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีพนักงานอัยการมีคำสั่งยุติ เรื่องร้องขอความเป็นธรรม โดยอ้างว่าเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้รับความสนใจอีกครั้งหลังจากมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมาธิการ 'วอยซ์ออนไลน์' จึงได้สรุปบางช่วงบางตอนมานำเสนอ
ทั้งนี้เอกสารดังกล่าวได้ระบุว่า รายงานการประชุมนี้ คณะกรรมาธิการไม่ได้มีการตรวจสอบเพื่อรับรองความถูกต้องแต่อย่างใด ผู้ใดนำไปใช้ประโยชน์หรืออ้างอิง หากก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นไม่ว่าจะด้วยประการใดๆ จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในความเสียหายทุกกรณี และไม่มีผลผูกมัดในทางกฎหมายกับสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา
26 พ.ค. 2559
- ประชุมร้องเรียนของ วรยุทธ อยู่วิทยา เรื่องขอความเป็นธรรมกรณีการใช้ดุลพินิจของพนักงานอัยการไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ลำดับเหตุการณ์ตามรายงาน
3 ก.ย. 2555
- วรยุทธ อยู่วิทยา ขับรถยนต์เฉี่ยวชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิต
4 มี.ค. 2556
- พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 มีความเห็น เห็นควรสั่งฟ้องฐานความผิดขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และกรณีหลบหนี ไม่หยุดให้ความช่วยเหลือและแจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันที และสั่งไม่ฟ้องในความผิดฐานขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และขับรถขณะมึนเมาสุรา
2 พ.ค. 2556
- อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งฟ้องทุกข้อหา โดยความผิดฐานขับรถขณะเมาสุราโดยในความผิดฐาน ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด มีความเห็นแย้งกับความเห็นของพนักงานสอบสวน โดยเชื่อว่ารถยนต์ที่ผู้ร้องเรียนขับขี่ตามภาพจากกล้องวงจรปิด คำนวณความเร็วโดยเฉลี่ยได้เท่ากับ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- ผู้ร้องเรียนร้องขอความเป็นธรรมไปยังอัยการสูงสุด โดยอ้างคำให้การของ พ.ต.ท.สมยศ แอบเนียน สารวัตรงานช่างเครื่องยนต์ตรวจพิสูจน์เมื่อ 5 กันยายน 2555 ให้การยืนยันว่าจากการตรวจสอบร่องรอยความเสียหายของรถยนต์ทั้ง 2 คัน มีความเสียหายไม่มาก รถยนต์มีความเสียหายเพียงด้านหน้า ส่วนรถจักรยานยนต์มีความเสียหายด้านท้าย จึงสันนิษฐานว่า รถยนต์ทั้ง 2 คัน น่าจะแล่นมาด้วยความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
14 ม.ค. 2559
- รองอัยการสูงสุด ใช้อำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 143 (2) ก สั่งให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการสอบสวน พ.ต.ท.ธนสิทธิ์ แตงจั่น พยานผู้เชี่ยวชาญด้านการคำนวณฟิสิกส์ความเร็วในคดีนี้เพิ่มเติม ได้ความว่า คำนวณความเร็วครั้งหลังได้ 79.23 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพราะเกิดความผิดพลาดในการคำนวณความเร็วครั้งแรก จากการวัดระยะทาง / รถจักรยานยนต์ที่คู่กรณีขับขี่ ไม่ได้ถูกรถยนต์ลากครูดไปตามถนนเป็นระยะทาง 164.45 เมตร / กรณีไม่พบรอยห้ามล้อหรือรอยยางบริเวณที่เกิดเหตุ สามารถสันนิษฐานได้ว่ารถยนต์ไม่ได้เหยียบเบรค หรือเหยียบเบรคแต่คุณภาพของระบบห้ามล้อ อาจทำให้ไม่มีรอยเบรคเกิดขึ้นก็เป็นได้
- จากคำให้การดังกล่าวทำให้ผู้ร้องเรียนเห็นว่าสามารถหักล้างมูลเหตุการสั่งฟ้องได้ เพราะรองอัยการสูงสุด ซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนอัยการสูงสุด ไม่ได้นำคำให้การและรายงานการตรวจพิสูจน์ของ พ.ต.ท.ธนะสิทธิ์ มาร่วมการพิจารณาสั่งคดี แต่กลับมีคำสั่งยุติการร้องขอความเป็นธรรมเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2559 จึงเห็นว่าคำสั่งยุติเรื่องขอความเป็นธรรมนี้เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้คณะกรรมาธิการการดำเนินการแจ้งไปยังอัยการสูงสุดเพื่อตั้งคณะทำงานตรวจสอบ แล้วก็นำคำให้การและรายงานการตรวจพิสูจน์ความเร็วครั้งหลังมาประกอบการพิจารณาคดีและไม่สั่งฟ้อง
- ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร กล่าวว่า หากจะมอบให้คณะอนุกรรมาธิการพิจารณากฎหมายไปพิจารณาอาจจะเป็นการรวบรวมข้อเท็จจริงในการดำเนินคดีว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร พิจารณาโดยวิธีการอย่างไร แต่ว่าเนื้อหาในสำนวนนี้คงจะขอที่จะไม่เปิดเผย เพราะว่าเป็นคดีอยู่ และขอไม่เป็นประธานอนุกรรมาธิการเองเพราะถือว่ามีส่วนได้ส่วนเสียในคดีนี้ด้วยโดยขอให้ท่านภัทรศักดิ์เป็นผู้ดำเนินการแทน
- พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ กล่าวว่า ข้อหาต่างฟ้องหรือไม่สั่งฟ้องคือเรื่องความเร็วเป็นหน้าที่เจ้าพนักงานตำรวจที่ตรวจไม่เหมือนกันจึงอยากให้คณะอนุกรรมาธิการเรียกตำรวจมารับผิดชอบร่วมกันว่าทำไมให้การไม่ตรงกันและต้องได้รับโทษ ซึ่งเป็นมาตรฐานไม่ใช่ว่าอยากให้ความเห็นอย่างไรก็ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องนิติวิทยาศาสตร์ดำเนินการไม่โปร่งใสจะต้องมีการพิจารณาลงโทษหรือไม่ซึ่งควรมีมาตรฐานเดียวไม่ควรมีสองมาตรฐาน
- พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ กล่าวว่า การพิสูจน์หลักฐานคือ บก.จร. เป็นหลัก และเห็นว่าอัยการสูงสุดพิจารณาตามข้อเท็จจริงต้องสั่งฟ้องไป แล้วพิสูจน์ที่ชั้นศาลว่าใครเป็นฝ่ายถูกหรือเปล่าเพราะเราไม่มีความรู้ในการตรวจ
- ธานี อ่อนละเอียด กล่าวว่า ผู้ร้องขอความเป็นธรรมเรื่องการใช้ดุลพินิจของรองอัยการสูงสุด ว่าขับรถเร็ว 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงซึ่งเป็นไปไม่ได้ในภาวะการที่ขับรถในกรุงเทพฯ จึงร้องขอความเป็นธรรมให้รองอัยการสูงสุดท่านก็มีคำสั่งให้สอบเพิ่ม แล้วได้ผลต่างจากข้อเท็จจริงเดิม อัยการสูงสุดไม่เชื่อข้อเท็จจริงก็สั่งสอบเพิ่ม แต่พอสอบเพิ่มได้ข้อเท็จจริงมา ก็ไม่ฟังข้อเท็จจริงนั้น จึงมาร้องในประเด็นนี้ จึงอยากได้ข้อเท็จจริงที่เป็นที่ยุติโดยอาจจะเชิญเจ้าของสำนวนเช่นอธิบดีอัยการที่เป็นเจ้าของสำนวนมาให้ข้อเท็จจริง ว่าถ้าคณะกรรมาธิการรับเรื่องนี้จะมีผลเสียหายต่อรูปคดีหรือไม่ ระยะเวลาที่จะไปฟ้องศาลหมดอายุความหรือยังจึงควรเชิญอธิบดีอัยการมาให้ข้อยุติ
- พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ กล่าวว่า ให้ข้อมูลเพิ่มเติมฟังข่าวเมื่อเช้านี้ ว่าอัยการนัดเพื่อที่จะนำตัวสั่งฟ้องศาลในวันนี้ แต่ปรากฏว่าตัวผู้ต้องหาไม่มาและเห็นว่าให้เลื่อนไปอีก 15 วันหรือไม่เกิน 30 วัน
- พล.ต.ท.โทวิบูลย์บางท่าไม้ กล่าวว่า ขอ Off Record ครับ
- ประธาน กล่าวว่า กรรมาธิการรับไว้พิจารณาในส่วนนี้ โดยให้ ธานีกับ ภัทรศักดิ์ลองไปปรึกษาหารือเพื่อดูข้อเท็จจริง และเสนอแนะสัปดาห์หน้า
- ศ.พิเศษภัทรศักดิ์ วรรณแสง กล่าวว่า ผมช่วยได้ครับไม่ต้องออกชื่อครับผมดูแล้วความต้องการของเขาขมวดตอนท้าย ขอให้ทางอัยการสูงสุดตั้งกรรมการเท่านั้นเองครับ
- ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร กล่าวว่า สรุปตอนท้ายคือขอให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาเรื่องนี้อีกทีหนึ่ง โดยอ้างดุลพินิจของรออัยการสูงสุดจึงขอให้อัยการสูงสุดตั้งคณะทำงานขึ้นมา และมีหนังสือมาถึงคณะกรรมาธิการการกฎหมายด้วยอีกส่วนหนึ่ง
- พล.ต.ท.บุญเรืองผลพานิชย์ กล่าวว่า คงต้องอยู่ที่อัยการสูงสุดว่าจะมีระเบียบวิธีการปฏิบัติอย่างไรเพราะมีความเห็นสั่งฟ้องไปแล้วและก็มีการอัพตัวผู้ต้องหาที่จะส่งฟ้องวันนี้แล้วคงต้องไปดูตามพรบอัยการ
- ประธาน : ในส่วนของเราก็ทำไปตามอำนาจหน้าที่ของเรา เพราะเขาต้องการให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของอัยการสูงสุดเท่านั้น
16 มิ.ย. 2559
- เรื่องร้องเรียนของ วรยุทธ อยู่วิทยา ร้องขอความเป็นธรรมกรณีการใช้ดุลพินิจของพนักงานอัยการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่คณะกรรมาธิการมอบหมายให้นายธานี อ่อนละเอียด ไปศึกษาล่วงหน้า
- ธานี อ่อนละเอียด กล่าวว่า ผู้ร้องขอความเป็นธรรมเนื่องจากเพราะอาการสูงสุดท่านเดิมเคยสั่งให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเนื่องจากเห็นว่าข้อเท็จจริงยังไม่สิ้นกระแสความ ประเด็นการพิสูจน์ด้านฟิสิกส์เกี่ยวกับความเร็วของรถ The วินิจฉัย 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ปรากฏว่าผลการวินิจฉัยของคณะกรรมการฟิสิกส์ทางการขับรถปรากฏผลออกมา 70 กว่ากิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่เกินอัตราตามกฎหมาย จึงมาร้องว่าอัยการสูงสุดคนปัจจุบันได้ดำเนินการมีคำสั่งให้ยุติการสอบสวนโดยมิชอบ โดยไม่เอาผล การสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมมารวมในจำนวนเป็นการสั่งยุติร้องขอความเป็นธรรมและก็มีคำสั่งฟ้องจึงร้องขอความเป็นธรรมเข้ามา จะขอตั้งคณะทำงานขึ้นมาประกอบด้วย 1. นายธานีอ่อนละเอียด 2. นายวรพล โสคติยานุรักษ์ 3. พันตำรวจโททรงวุฒิ เจริญวิชยเดช 4. นายอุสาห์ ชูสินธ์ 5. นางสาวณัฐทิชา ทองชื่น เป็นคณะทำงานร่วมวงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายมาเสนอต่อคณะกรรมาธิการ
- ประธาน กล่าวว่า ธานี ได้ศึกษามาล่วงหน้าและเสนอตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาศึกษาเพิ่มเติมรายละเอียด
- ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร กล่าวว่า ผู้ต้องหาก็มายื่นที่ตนเองด้วยอีกทางหนึ่งด้วยเหตุคล้ายๆ กันนี้ ซึ่งตนเองให้สำนักงานคดีอัยการเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องขอความเป็นธรรมพิจารณาอีกทางหนึ่งด้วย
- ประธาน กล่าวว่า ถ้าคณะกรรมาธิการจะทำคู่ขนานไปท่านไม่รังเกียจนะครับ
- ร.ต.ต.ตรีพงษ์ นิวัฒน์ยุทธภัณฑ์บริภาร กล่าวว่า ไม่เป็นไรครับ
- ประธาน กล่าวว่า ธานีได้เสนอตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อพิจารณาศึกษา ซึ่งตามกรอบอำนาจหน้าที่คณะกรรมาธิการไม่สามารถ ชี้ถูกผิดได้อยู่แล้วเพียงแต่จะพิจารณาศึกษาว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แล้วแจ้งให้ผู้ร้องได้ทราบถึงเหตุการณ์ ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบนะครับ
16 ธ.ค. 2559
- ประธาน กล่าวว่า วันนี้คณะทำงานได้เชิญรองศาสตราจารย์สายประสิทธิ์ เกิดนิยม หัวหน้าศูนย์วิจัยวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือเข้าร่วมประชุมด้วย โดยคณะกรรมาธิการ มีมติเมื่อวันที่ 16 มิถุนายนรับเรื่องไว้พิจารณาและตั้งคณะกรรมการ เพื่อตรวจสอบและรวบรวมความคิดเห็นและรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงซึ่งคณะกรรมการได้พิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นแล้ว แล้วจะรายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการ
- ธานี อ่อนละเอียด กล่าวว่า พนักงานสอบสวนมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาคือนายวรยุทธ อยู่วิทยา 2 ข้อหา 1. ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย 2. ลบนี้ไม่อยู่ให้ความช่วยเหลือและแจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันที และมีคำสั่งไม่ฟ้องเรื่องขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดและข้อหาขับรถขณะเมาสุรา โดยความเห็นของพันตำรวจโทสมยศแอบเนียนสารวัตรงานช่างเครื่องยนต์ตรวจความเสียหายรถยนต์ทั้ง 2 คันแล้วพบความเสียหายเพียงเล็กน้อยไม่น่าจะวิ่งด้วยความเร็วของรถยนต์ Ferrari ถึง 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีการตรวจพิสูจน์รถจักรยานยนต์โดนชนด้านหลังค่อนไปทางขวา มีท่อไอเสียเงินขึ้นมาเล็กน้อย หากวิ่งด้วยความเร็ว 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมงล้อหลังจะต้องเป็นเลข 8 แล้วซี่ลวดต้องหลุดออกไปจากล้อ แต่ความเร็วของเขาคำนวณดูจากบาดแผลการชนแล้วไม่น่าจะเกินกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงพนักงานสอบสวนจึงมีคำสั่งไม่ฟ้องกรณีขับรถเร็วเกินกว่ากำหนด
- แต่ต่อมาพนักงานอัยการสำนักคดีอาญากรุงเทพใต้เห็นแย้งสั่งฟ้องข้อหาขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด สืบเนื่องว่าไปฟังพยานหลักฐานจากพันตำรวจโทธนสินแตงจันทร์จากกองพิสูจน์หลักฐานด้านการคำนวณฟิสิกส์ความเร็วรถคำนวณจากกล้องวงจรปิดได้ความเร็ว 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจึงมีความเห็นสั่งฟ้อง แต่ไม่สั่งฟ้องข้อหาขับรถขณะดื่มสุรา จะทำให้นายวรยุทธอยู่วิทยามีหนังสือร้องเรียนต่อพนักงานอัยการสูงสุดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากไม่ได้นำความเห็นของผู้เชี่ยวชาญคือพันตำรวจโทสมยศแอ๊บเนียนซึ่งให้การสอดคล้องกับประจักษ์พยาน 2 บาทที่เป็นพลอากาศโท 2 คนซึ่งขับรถมาในวันเกิดเหตุ ขณะเดียวกันในสำนวนการสอบสวนก็มีพยานปาก 1 ขับรถกระบะมาอยู่ในช่องทางเดินรถที่ 2 เกาะกลางให้การหลังจากเกิดเหตุ 2-3 วัน ว่ารถจักรยานยนต์ซึ่งขับมาในช่อง เดินรถด้านซ้ายสุดช่องทางที่ 1 ขับรถปาดรถกระบะ ซึ่งอยู่ในช่องทางเดินรถที่ 2 ทำให้ตัวเองต้องเบี่ยงออกมาทางซ้ายแล้วรถมอเตอร์ไซค์ก็ไม่หยุดก็ขับปาดมาช่องเดินรถที่ 3 ซึ่งเป็นช่องทางที่รถเฟอร์รารี่ขับผ่านมาแล้วเกิดเฉี่ยวชนระยะกระชั้นชิด
- ต่อมารองอัยการสูงสุดในขณะนั้นนายพุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ มีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมให้งานทุกคนที่เป็นประจักษ์พยานในเหตุการณ์ โดยพลอากาศโท 2 คนไปเล่าให้กัปตันฟังกัปตันรู้จักกับคุณเฉลิม และพยาน 2 ฝากไปเล่าให้คนอาการเองกันต์ พิมานทิพย์ อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ซึ่งคณะทำงานได้ส่วนบุคคลต่างๆมาร่วมสอบข้อเท็จจริงด้วยโดยได้เชิญพนักงานอัยการ 2 ท่านคืออธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ นายสุทธิ กิตติสุภภรณ์ ให้การว่าพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 และอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งฟ้อง ความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
- ต่อมาผู้ต้องหาได้ยื่นขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ระยะการส่งมอบหมายสำนักงานคดีกิจการอัยการสูงสุดพิจารณาหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหาซึ่งรองอัยการสูงสุดมีคำสั่งสอบสวนเพิ่มเติมหลายประเด็นและต่อมารองอัยการสูงสุดได้ย้ายเป็นอัยการอาวุโสต่อมาเปลี่ยนรองอัยการสูงสุด มาสั่งสำนวนให้ยุติเรื่องขอความเป็นธรรม สรุปคือเดิมอัยการมีความสงสัยและสั่งให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติมมา แต่พอสอบสวนมาได้ข้อเท็จจริงซึ่งแตกต่างไปก็ปรากฏว่าไม่นำข้อเท็จจริงนั้น มาฟัง แต่กลับสั่งให้ยุติเรื่องขอความเป็นธรรม คดีในขณะนี้อยู่ระหว่างส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมกับศาล
- พนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจนครบาลเจ้าของคดีนี้มาให้ข้อเท็จจริงกับคณะทำงาน โดยเล่าถึงสำนวนการสอบสวนพนักงานสอบสวนส่งภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดให้กองพิสูจน์หลักฐานเพื่อคำนวณความเร็วของรถยนต์คำนวณได้ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแต่พนักงานสอบสวนเชื่อตามคำให้การของพลตำรวจโทสมยศ am เนียนและพันตำรวจโทสุรพลตรวจสภาพความเสียหายของรถยนต์ทั้ง 2 คันว่าความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจึงมีคำสั่งไม่ฟ้องข้อหาขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด
- กรณีรถยนต์ลากรถจักรยานยนต์มาหลายเมตรนั้นพบว่าไม่พบร่องรอยการครูดมีเพียงรอยชน 1 จุด แล้วจากร่องรอยด้านล่างของรถ Ferrari ก็ไม่พบรอยลาก แต่ที่รถจักรยานยนต์ไม่ล้มในจุดที่เกิดเหตุเนื่องจากเกิดการกระแทกทำให้ผู้ขับขี่หลุดจากรถทำให้รถจักรยานยนต์วิ่งไปด้านหน้าแล้วล้มซึ่งทางการสอบสวนปรากฏว่านายจารุชาติ ให้การห่างวันเกิดเหตุ 2-3 วัน ยืนยันว่า ขับขี่รถยนต์ในช่องทางที่ 1 เห็นดาบตำรวจตรีวิเชียรแล้วก็เปลี่ยนช่องทางเดินรถเข้ามาในช่องทางที่ 2 ด้านหน้ารถยนต์ของนายจารุชาติขับ ซึ่งนายจรูญชาติได้หลบรถจักรยานยนต์ไปทางซ้าย จากนั้นก็ได้ยินเสียงท้ายรถกระแทกกัน เมื่อพนักงานสอบสวนไปตรวจที่เกิดเหตุพบว่ารถจักรยานยนต์เกิดการกระแทกในช่องเดินรถที่ 3 คือช่องขวาสุดสันนิษฐานได้ว่าดาบตรีวิเชียรขับรถจักรยานยนต์จากช่องทางซ้ายสุดเข้ามาช่องทางขวาสุดอย่างกะทันหันเป็นเหตุให้เกิดการชนกระแทกกับรถยนต์ที่ขับขี่มาในช่องทางที่ 3
- ส่วนพันตำรวจโทธนะสิทธิ์ แตงจั่น ผู้เชี่ยวชาญด้านคำนวณความเร็วรถ กองพิสูจน์หลักฐาน จากเดิมให้ความเห็นว่าดูจากกล้องวงจรปิดแล้วคำนวณความเร็ว 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแต่เนื่องจากข้อเท็จจริงในสำนวนยังไม่สิ้นกระแสความเมื่อพิจารณาจากน้ำหนักภาพลักษณะของรถยนต์แล้วนำมาคำนวณใหม่พูดไปในถนนที่เกิดเหตุยาวประมาณ 164.54 เมตร โดยไม่ปรากฏร่องรอยห้ามล้อบริเวณจุดชนตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ได้ผลสรุป 3 ประการคือ 1. คำนวณความเร็วข้างหลังได้ 79.23 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หักล้างการคำนวณความเร็วครั้งแรก เนื่องจากเป็นการคำนวณที่ไม่ได้รายละเอียดตามภาพกล้องวงจรปิด 2. ตรวจที่เกิดเหตุไม่พบรอยครูดของรถยนต์ต่อเนื่องไปทางปากซอยสุขุมวิท 49 รถจักรยานยนต์ที่ผู้ต้องหา 2 ขับขี่ชนกับรถยนต์คันที่ 1 จึงไม่ถูกรถยนต์ลากไปตามถนนบริเวณที่เกิดเหตุ 164.45 เมตร แต่อย่างใด 3. ได้ข้อสรุปว่าไม่พบรอยห้ามล้อหรือรอยยางบริเวณที่เกิดเหตุสันนิษฐานได้ว่าผู้ขับไม่ได้เหยียบเบรกรถหรือเบรครถมีคุณภาพการห้ามล้อจึงทำให้ไม่มีรอยเบรคเกิดขึ้น
- ข้อสรุปจากการตรวจพิสูจน์อีกครั้งตามหลักวิชาการโดยละเอียด พันตำรวจโทสมยศแอบเนียนสารวัตรช่างเครื่องยนต์ตรวจพิสูจน์กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจจราจร เป็นผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์รถมาเป็นแสนกว่าคดี เป็นผู้เชี่ยวชาญประจำศาลยุติธรรมเรื่องอุบัติเหตุรถยนต์ บอกว่าถ้ารถขับมาด้วยความเร็ว 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ชนกระแทกกับรถจักรยานยนต์จะเกิดความเสียหายรถทั้ง 2 คันในระดับสูงแต่ปรากฏว่าความเสียหายเป็นระดับต่ำ สันนิษฐานความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงส่วนรถยนต์ก็ไม่น่าจะเกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพราะเป็นการเฉี่ยวชนเล็กน้อย
- พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ถนอมกุลบุตร และท่านสุรเชษฐ์ ทองสลวย ซึ่งนั่งรถ Benz e230 เลขทะเบียน งล 404 ในคืนเกิดเหตุไปงานวันเกิดพลเอกไตรรงค์ ไม่เห็นเหตุการณ์พบว่ารถจักรยานยนต์ขับส่ายไปมาไม่เปิดไฟ โดยพลอากาศโทสุรเชษฐ์ทองสลวยก็ได้บอกให้จอดรถเพราะว่าจะเกิดการเฉี่ยวชนเกิดขึ้น จึงได้จอดรถ บริเวณปากซอย 45 ห่างจากที่เกิดเหตุ 15 เมตรปรากฏว่าเห็นรถจักรยานยนต์ขับรถปาดจากช่องเดินรถที่ 1 ซ้ายสุดไปช่องเดินรถที่ 2 จนกระทั่งรถกระบะหักหลบมาช่องเดินรถที่ 1 แล้วไปปาดหน้ารถเฟอร์รารี่ที่ขับมาในช่องเดินรถที่ 3 จนเกิดการเฉี่ยวชนเกิดขึ้น โดยนำเรื่องไปเล่ากับเรืออากาศเอกสะอาด ซึ่งเป็นกรรมการที่ปรึกษาของบริษัทบางกอกที่เป็นโรงเรียนผลิตนักบิน และให้มาเป็นพยานให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปว่าประจักษ์พยานทั้งสองปากเห็นเหตุการณ์ขับรถ และได้เหล้ากับพลอากาศเอกกันต์ ซึ่งเป็นอดีตผู้บัญชาการทหารอากาศฟัง ซึ่งก็ได้ให้การตรงกันทั้งกัปตันสะอาดและพลอากาศเอกกันต์ และพยานกี่ปากหนึ่งก็คือผู้ขับรถกระบะยืนยันในทำนองเดียวกันได้ข้อสรุปว่ารถยนต์ Ferrari ไม่ได้ขับรถเกินกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและนอกจากนั้นรถมอเตอร์ไซค์ไม่ได้เปิดไฟหน้า วิเคราะห์เลยก็ได้ช่องทางรถที่ 2 มีรถกระบะเฟอร์รารีข้อเท็จจริงอันนี้เราก็เลยอยากจะหาข้อสรุปว่าข้อเท็จจริงเป็นประการใดกันแน่ มีใครชี้ชัดได้ไหม แล้วก็หาข้อยุติกันอย่างไรก็เลยมีการค้นหาดูว่าที่ไหนมีอาจารย์หรือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับวิศวะยานยนต์กันบ้าง ปรากฏว่าอาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอุบัติเหตุรถยนต์มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ก็มีอาจารย์มีความเชี่ยวชาญทางด้านอุบัติเหตุรถยนต์---
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อบันทึกการประชุมดำเนินมาถึงจุดดังกล่าว ปรากฏว่าเป็นการประชุมลับ หน้า 2/1 - 2/8 เป็นการประชุมลับ จากนั้นเป็นรายงานเกี่ยวกับการคำนวณความเร็ว
- ประธาน กล่าวว่า จากการที่ ธานี รายงานไปเมื่อสักครู่ว่า การคำนวณอยู่ที่ 87.915 ใกล้เคียงพนักงานสอบสวนที่ชี้แจงว่าจุดชนอยู่ได้วันละ 82 เมตร คำนวณการเคลื่อนที่ของรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นเส้นตรงแต่ในการขับขี่จริงพบว่ารถจักรยานยนต์ไม่ได้เคลื่อนที่เป็นเส้นตรง ถ้าไม่ทราบว่ารถจักรยานยนต์ได้เปลี่ยนช่องทางการขับขี่จากช่องทางเดินรถที่ 1 ไปช่องทางเดินรถที่ 3 โดยสังเกตได้จากประจักษ์พยานผู้ขับขี่รถกระบะและพลอากาศโททั้งสองคนที่ขับขี่ตามมาก่อนเกิดเหตุ ซึ่งระยะความเร็วของรถจักรยานยนต์ผ่านกล้องวงจรปิดคำนวณความเร็วได้ 30.005 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หักเลี้ยวรถจักรยานยนต์ที่มุม 45 องศาเดียวจากช่องทางเดินรถที่ 1 ไปช่องทางเดินรถที่ 3 พอเลี้ยวเข้าไปช่องทางที่ 3 ได้ครึ่งเมตรก็ถูกรถเฟอร์รารีชน พบว่าการเปลี่ยนจากช่องทางเดินรถที่ 1 ไปช่องทางเดินรถที่ 3 ใช้ระยะเวลาแค่ 0.848 วินาทีเท่านั้น
- รศ.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม กล่าวว่า ถึงแล้วกรมการขนส่งทดสอบใบขับขี่แล้วมีเกณฑ์การทดสอบสมรรถนะระยะตอบสนองอยู่ที่ 0.75 วินาที ใครที่ตอบสนองได้ต่ำกว่าถือว่าผ่าน เพราะฉะนั้นเกณฑ์การตอบสนองยกเท้าขึ้นมาเพื่อเหยียบเบรค จะต้องใช้เวลาวิเคราะห์ประมาณ 0.75 วินาที
- พ.ต.ท.ทรงวุฒิ วิชยเดช กล่าวว่า หากรถวิ่งด้วยความเร็ว 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อรถวิ่งผ่านแนวยิงซึ่งเป็นแนวต้นไม้ไปถึงบริเวณจุดชน จะใช้เวลาเพียง 1.78 วินาที หากวิ่งด้วยความเร็วขนาดนี้ จุดชนจะไม่อยู่ตรงจุดที่ชนกันจริงคืออาจจะชนก่อนถึงจุดชนหรือรถจะไม่ชวนกันเลยถ้าหาก รถจักรยานยนต์ไม่เปลี่ยนช่องทางเดินรถเข้ามาก่อนเพื่อให้ทันกับรถยนต์ Ferrari ที่ขับมา
- ธานี อ่อนละเอียด กล่าวว่า ถ้าความเร็ว 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตามที่อธิบายแรกลดอาจจะไม่ชวนเลย หรือชนแล้วตำแหน่ง ซึ่งผ่านไปตัดต้นไม้แค่นิดเดียวจะไม่ใช่จุดชนตามที่ปรากฏในข้อเท็จจริง
- พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ กล่าวว่า 177 กิโลเมตร เป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะไม่ใช่ทางด่วน ควรจะหาสาเหตุ ว่าเปลี่ยนเลนส์จากซ้ายไปขวาสุดเพื่อที่จะยูเทิร์นหรือไม่
- พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ กล่าวว่า การที่เราไปหาข้อเท็จจริงตามที่ร้องเรียนมาแล้วส่งให้ทางอัยการสูงสุดอย่างที่ประธานได้สรุปเมื่อสักครู่นี้ส่วนจะรับไปแล้วเอาไปรวมไว้สำนวนอย่างไรต่อไปจะกลับความเห็นเดิมหรือไม่ เป็นเรื่องภายใน แต่การพิจารณาเรื่องประมาทอาจไม่ได้พิจารณาเรื่องความเร็วแค่อย่างเดียวต้องดูเรื่องความระมัดระวังด้วย คือคำว่าประมาทนั่นเอง อันนี้นายธานีคงทราบดี ซึ่งเราจะไม่ก้าวล่วง ในประเด็นนี้ เอาข้อเท็จจริงส่งให้เขาเท่านั้น
- ประธาน กล่าวว่า สรุปว่าส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยกับคณะทำงานที่พิสูจน์เรื่องความเร็ว
- พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร กล่าวว่า ถ้าจะโหวต ผมเห็นด้วยกับประเด็นเหล่านี้ เพราะว่าผมเองในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ มีประเด็นหลายประเด็นที่อาจต้องมีความเห็นส่วนตัวว่าไม่เห็นด้วยกับความเห็นของคณะกรรมาธิการ
- ประธาน กล่าวว่า ถ้าไม่เห็นด้วยต้องมีการบวชเพราะผู้ไม่เห็นด้วย ถ้าโหวตแล้วแพ้ จึงมีข้อสังเกตอย่างนี้ได้
- พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ เวลา 05.30 น. หลังจากนั้น 09.30 น. ไปเอาตัวมา การเอาตัวมามีบันทึกการมอบตัวไม่ใช่การจับมอบตัวโดยให้การรับสารภาพ สำหรับข้อกล่าวหาจึงขอเข้ามอบตัวและสารภาพว่าเป็นผู้กระทำผิดจริง ส่วนสำนวนการสอบสวนจะไม่ก้าวล่วงพระสอบกันไปแล้วก็มีการเปลี่ยนแปลงจากผู้ชำนาญการไปเป็นพยานบุคคลอะไรก็แล้วแต่เป็นเรื่องที่ศาลต้องพิสูจน์ หรืออัยการจะเป็นผู้พิจารณา เพราะปรากฏว่าเรื่องนี้ตำรวจเองก็บกพร่องตั้งแต่ทีแรก เมื่อเข้ามอบตัว แต่ตำรวจดันไปให้ประกันตัว โดยไม่ชอบตั้งแต่ต้น กลายเป็นว่าอำนาจการควบคุมตัวเวลานี้ก็ขยายไปเรื่อยๆ ผู้ต้องหาก็ไม่เข้ามาจนกระทั่งคดีความเร็วหมดอายุความไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2559 และปีหน้า ก็จะหมดอายุความกรณีไม่แจ้งเหตุ รวมถึง เมาแล้วขับ ส่วนคดีประมาทอายุความ 15 ปี ประเด็นสำคัญก็คืออัยการให้ออกหมายจับแต่ปรากฏว่าเลื่อนไปเรื่อยๆล่าสุด คงภายในวันที่ 28 ธันวาคมจะเป็นเดดไลน์ว่าผลัดผ่อนต่อไปหรือไม่ เรื่องนี้คิดว่าถ้าเข้ามาสู่กระบวนการคงจะให้ทางอัยการกับศาลเป็นผู้พิจารณา แล้วจะไม่พูดอีก
- ประธาน กล่าวว่า เรื่องนี้ทราบข่าว มาถึงขั้นนี้แต่ที่มาร้องเรียนเพื่อขอให้มีการพิสูจน์ ด้วยความเร็วอย่างเดียวเท่านั้น
- ศ.พิเศษภัทรศักดิ์ วรรณแสง กล่าวว่า ถ้าเป็นคดีทั่วไปเราจะไม่รับวินิจฉัย แต่เพราะว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของอัยการ ถ้ารับไว้วินิจฉัยจะเป็นบรรทัดฐานว่าคดีอื่นต้องทำทำนองเดียวกัน ซึ่งในข้อบังคับการประชุมของคณะกรรมาธิการมีช่องทางให้ทำได้อยู่ แต่คงไม่อาจเป็นมีความเห็นให้เป็นประโยชน์กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้และเข้าใจว่ารายงานของคณะกรรมาธิการคงปรากฏในศาลเป็นพยานหลักฐานในสารใดในชั้นอัยการด้วยไม่ว่าทางใดทางหนึ่งก็ตาม จึงต้องเขียนด้วยความระมัดระวัง ยาหนึ่งคือผู้ต้องหาเองก็ไม่ได้ให้ปากคำต่อคณะทำงานด้วยพยายามบ่ายเบี่ยงไม่มาให้ปากคำถ้าเป็นศาลก็จะรับฟังประจักษ์พยานเลย เพราะเจ้าตัวต้องมาถ้าตัวเองก็ยังไม่มีการให้การกับคณะทำงานและประจักษ์พยานที่เกี่ยวข้องก็มีพลอากาศโทมาให้การทีหลัง แต่ไม่ปรากฏว่าได้ให้การกับพนักงานสอบสวนไว้หรือไม่
- ปัญหาคดีนี้เกี่ยวเนื่องหลายเรื่องขับรถขณะเมาสุราก็ไม่ได้ฟ้องแล้ว เพราะหากมีข้อหานี้ด้วยสารไม่รอการลงโทษ เหลือเพียงประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แล้วก็ความเร็วซึ่งไม่ใช่ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอย่างแน่นอน แต่ว่าจำกัดตามกฎหมายเท่าใดในเมืองตอนนั้น ซึ่ง ไม่รู้ว่าความเร็วจำกัดเท่าใด สรุปว่าถ้าจะฟันธงต่อให้เขียนประโยชน์ ต่อผู้ต้องหาศาลก็ไม่ฟังอยู่แล้วเป็นผลเสียมากกว่าผลดี
- พล.ต.อ. อังสนานนท์ กล่าวว่า เรื่องนี้มีการร้องเรียนเรามีหน้าที่พิจารณามีคณะทำงานเพื่อศึกษาข้อเท็จจริงทั้งหมด และที่ประชุมคงไม่ได้โหวตคนบอกว่ามีรายงานจากคณะทำงานชุดนี้แล้วส่งให้อัยการพิจารณาต่อไปไม่ต้องมีความเห็นอะไรทั้งสิ้นดูแล้วน่าจะเป็นทางออกทุกคนจะได้สบายใจกับกรณีที่เกิดขึ้นไม่ให้เสียบรรทัดฐานต่อไป
- พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ กล่าวว่า ลงมติไม่ได้ต้องฟังข้อสรุปแล้วมีความเห็น ว่าควร เสนอเรื่องให้อัยการพิจารณาต่อไป
- ประธาน กล่าวว่า จนไม่ได้สรุปว่าเห็นด้วย แล้วเสนอไปอัยการเท่านั้นเองไม่ได้บอกว่าใครผิดใครถูก หาทำงานพิสูจน์เรื่องความเร็วอย่างเดียวว่าจะเอา 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมงส่วนเรื่องทั้ง 4 คดีที่ถูกฟ้องทั้งหมดเราไม่เกี่ยวข้อง
- พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ กล่าวว่า เราพิจารณาตามข้อเสนอเข้ามา
- ศ,พิเศษภัทรศักดิ์ วรรณแสง กล่าวว่า รายงานหน้า 25 ตอนจบเขียนทำนองว่าพนักงานได้ศึกษาสอบสวนแล้วพบว่าเปลี่ยนแปลงไปจากที่พนักงานอัยการให้ข้อเท็จจริงอันนี้เป็นประเด็นใหม่ เป็นประจักษ์หลักฐานสำคัญที่สามารถหักล้างข้อเท็จจริงเดิม อันนี้กำลังเห็นว่าเป็นหลักฐานสำคัญสามารถหักล้างคำสั่งฟ้องเดิมได้ซึ่งคิดว่าไม่เหมาะสมที่จะออกไปเป็นอย่างนี้
- ประธาน กล่าวว่า ถ้าเลขาไปปรับนิดนึงเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา แล้วมาดูอีกครั้งว่าเหมาะสมหรือไม่
- ธานี อ่อนละเอียด กล่าวว่า เป็นเรื่องของการสอบข้อเท็จจริงและผลสอบก็รายงานให้คณะกรรมการทราบ ความเห็นของคณะทำงานคือควรส่งสรุปข้อเท็จจริงให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นอัยการหรืออะไรก็ดีไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ โดยไม่ก้าวล่วงการใช้ดุลพินิจของอัยการ
- พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กล่าวว่า ประเด็นอยู่ที่ว่ามีปัญหาจนต้องเข้าสู่คณะกรรมาธิการ ประเด็นอยู่ที่ว่าผู้ต้องหาร้องทุกข์ต่ออากาศสูงสุดให้สอบสวนความเร็วเพิ่มเติม และอัยการสูงสุดมีมติสอบสวนจึงนำไปสู่การพิจารณาเรื่องความเร็วใหม่ เลือกใช้สภาพแวดล้อมจะดีการหาความเร็วประเมินความเร็ววัตถุพยานหลักฐานร่องรอยการชน สภาพรถความเสียหาย ไปอยู่อัยการมีความเห็นยุติไม่รับฟังหรือไม่นำสิ่งที่อัยการสูงสุดสั่งให้ไปสอบสวนกลับเข้ามาพิจารณา นั่นคือประเด็น จึงมีเรื่องร้องเรียนมาว่าเมื่ออัยการสูงสุดสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมแต่ทำไมไม่เอาข้อมูลเหล่านั้นเข้ามาพิจารณา เอกชัยสูงสุดสั่งยุติโดยที่ไม่ได้พิจารณาประเด็นเหล่านี้นี่คือสิ่งที่เข้ามาสู่คณะกรรมาธิการ
- พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ กล่าวว่า ผมรู้ว่าจริง เขาร้องเรียนไปตามที่ท่านสมยศว่าปรากฎชั้นอัยการสูงสุดก็แทงไปให้รองอัยการสูงสุดพอมีเรื่องเกี่ยวกับรถเบนซ์ไม่จ่ายค่าเสียหายอัยการคนนี้ก็เลยไม่พิจารณาแล้วให้ไปว่าชั้นศาล ก็เลยส่งส่งเรื่องกลับมาที่อัยการสูงสุด ที่ผมรู้ว่าอย่างนั้น
- ประธาน กล่าวว่า เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาถามว่าที่ประชุม รับทราบรายงานของคณะทำงานหรือไม่ และตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการก็จะส่งรายงานตัวอย่างเอกสารสูงสุดเห็นด้วยหรือไม่
- พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร กล่าวว่า ไม่ออกความเห็นเนื่องจากมีส่วนได้ส่วนเสียเรื่องนี้
- พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ กล่าวว่า เมื่อมีผู้ร้องเรียนตั้งคณะทำงานตรวจสอบแล้ว ไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่น เมื่อคณะกรรมาธิการรับทราบผลการทำงานของคณะกรรมาธิการด้วยเห็นควรว่าส่งเรื่องนี้ไปให้อัยการสูงสุดดำเนินการต่อไป
- ประธาน กล่าวว่า รายงานที่ส่งไม่ใช่ความเห็นของคณะกรรมาธิการหรือความเห็นของคณะทำงานจะเป็นข้อเท็จจริงที่ศึกษามา