ไม่พบผลการค้นหา
แม้เป็น “คำเปรย” สั้นๆ แต่สะท้านไปทั้ง “ครม.ประยุทธ์” หลังยอมรับและไม่ปฏิเสธกระแสข่าว “ลาออก-ถอดใจ” ของ “วิษณุ เครืองาม” รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ที่นั่งยาว 7 ปี ตั้งแต่ยุค คสช. เป็นมือกฎหมายข้างกาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชนิดที่ว่าสามารถ ‘ปลดล็อก’และ ‘รอดพ้น’ สิ่งต่างๆ จนได้รับฉายาจากสื่อว่า ‘ศรีธนญชัยรอดช่อง’

“ผมพูดเอาไว้หลายเดือนแล้ว เป็นการปรารภเล่นกัน หมายความว่าเมื่อสิ้นรัฐบาล ไม่ได้หมายความว่าต้องเดี๋ยวนี้ เมื่อสิ้นรัฐบาลนะ” วิษณุ กล่าว

คำพูดทำนอง “สละเรือ” ของ “วิษณุ” ในทางการเมืองเป็น “ภาพสะท้อน” ถึงชะตากรรมรัฐบาล ย้อนกลับไป มิ.ย. 2549 “วิษณุ” เป็น รองนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ได้ประกาศ “ลาออก” ผ่านมาอีกราว 3 เดือน เกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 นำโดย “บิ๊กบัง”พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ในฐานะ หัวหน้า คมช. ยึดอำนาจ รัฐบาล ทักษิณ

ย้อนกลับไป “วิษณุ” ทำงานใกล้ชิด นายกรัฐมนตรี มาถึง 8 คน เข้าออกทำเนียบรัฐบาลมากว่า 30 ปี ตั้งแต่เป็น เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ยุค พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ , อานันท์ ปันยารชุน , “บิ๊กสุ”พล.อ.สุจินดา คราประยูร , ชวน หลีกภัย , บรรหาร ศิลปอาชา , “บิ๊กจิ๋ว”พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก่อนขึ้นเป็น รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ในยุคนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ทั้งนี้ “วิษณุ” ได้รู้จัก “ทักษิณ” ครั้งแรก ด้วยเรื่อง “คดีความ” ระหว่างองค์การโทรศัพท์กับบริษัทของ “ทักษิณ” ที่มี “วิษณุ” เป็น ประธานอนุญาโตตุลาการ ในขณะนั้น

จากนั้นได้มีสัมพันธ์ “ทักษิณ” เมื่อครั้งก่อนขึ้นเป็น รมว.การต่างประเทศ ในการตรวจสอบ “คุณสมบัติ” ก่อนร่วมรัฐบาลชวน หลีกภัย โดยขณะนั้น “ทักษิณ” อยู่พรรคพลังธรรม ที่มี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นหัวหน้าพรรค 

ทักษิณ พจมาน โทนี่   000_Hkg181300.jpg

ต่อมาในยุครัฐบาลทักษิณ 1-2 “วิษณุ” ได้รับแต่งตั้งเป็น รองนายกฯ อีกทั้ง “วิษณุ” ยังได้ชื่อว่าเป็นบุคคลใกล้ชิด “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ของ “คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์” ด้วย

มาในยุค รัฐบาลประยุทธ์ ยุคเลือกตั้ง ที่กำลังเข้าปีที่ 3 “วิษณุ” ได้แสดงท่าทีไม่ไปต่อ โดยระบุว่า ไม่เคยพูดผ่านสื่อ ไม่เคยพูดในวง ครม. แต่เคยพูดมานานแล้ว ในวงสนทนาต่างๆ พร้อมเปิดเผยว่าคิดลาออกตั้งแต่ หลัง “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ลาออกจาก ครม. เมื่อ ก.ค. 2563 แล้ว

“ตอนนั้น สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีลาออก ผมยังบอกจะตามไปด้วย และนายกฯ บอกว่าอยู่ก่อน คนอื่นเขาไปเพราะความจำเป็น แต่ผมยังไม่มีความจำเป็น เป็นการพูดแบบสนทนากัน ซึ่งไม่ไปตอนนี้ แต่รัฐบาลหน้าผมไม่เอาแล้วให้หากันเองแล้วกันจะเตรียมใคร ซึ่งที่ผมพูดผมยังไม่รู้ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลใหม่ และเขาอาจจะไม่ต้องการผม แต่ผมได้พูดและบอกไปแล้วว่า ไม่เอาแล้ว แต่จะมาทิ้งกลางคันก็ยังไม่ได้” วิษณุ กล่าว เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2564

ประยุทธ์ ดิสทัต สุภรณ์ แรมโบ้ 0200804103149000000.jpg

ว่ากันว่าบุคคลที่จะมาเป็น รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ คือ “ดิสทัต โหตระกิตย์” เลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เติบโตมาจากสายนักกฎหมาย

ทำให้มีการมองข้ามช็อตถึง “ชะตากรรม” พล.อ.ประยุทธ์ ในเก้าอี้ นายกฯ ครั้งหน้า จะได้ไปต่อหรือไม่

สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ “นายกฯ สำรอง” ทำให้เริ่มมีการมองหา “นายกฯ คนใหม่” ในซีกฝั่งรัฐบาลด้วยกันเอง ซึ่งชื่อที่ถูกพูดถึงคือ “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หลังประชุมใหญ่พรรค ย้ำถึงจุดยืนพรรค

“อนุทิน” กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ได้เป็นขั้วอะไรกับใคร เพราะมั่นใจว่าเป็นพรรคที่ประคับประคองบ้านเมืองไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด และจะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย พร้อมทั้งยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยจะเป็นผู้เลือกที่จะร่วมรัฐบาลกับใคร ไม่ใช่ว่าเราจะไปจะไปร่วมกับใคร

อนุทิน แพทย์ -906B-4CF9-BD45-043F329D80B1.jpeg

ที่ผ่านมา “ภูมิใจไทย” พยายามวางภาพพรรคไม่ให้ “สุดโต่ง” ไปทางใดทางหนึ่ง ในการนำของ “อนุทิน” ที่บังคับทิศทางพรรคให้ไปทางใดหนึ่งได้ มีความเป็นเอกภาพ ผ่านการนำแนวทางจัดการแบบ “เอกชน” มาจัดการ “พรรค” นั่นเอง และมีจุดแข็งที่ “ทุน” ของพรรคด้วย ที่สามารถ “ดึงแม่เหล็ก” แต่ละพื้นที่มาได้ รวมทั้ง “กำลังทุน” ที่ลงไปพื้นที่ต่างๆ

ในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นอีก 1 ปีกว่า “สมการการเมือง”ได้เปลี่ยนไปจาก 2-3 ปีก่อน ด้วยมี “ผู้เล่น” ในสนามมากขึ้น

สุดารัตน์ ไทยสร้างไทย -CBCD-4AB2-ACCA-C27A9B12EA6D.jpeg

โดยเฉพาะ “พรรคกลางๆ” ที่เริ่มขยับ เช่น กลุ่มสี่กุมาร ที่นำโดย “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” , พรรคไทยสร้างไทย นำโดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ เป็นต้น ที่ถูกมองว่าจะเป็นอีก “ตัวแปรสำคัญ” ในการจัดตั้งรัฐบาล ที่พรรคเหล่านี้ไปได้ทั้ง 2 ขั้วการเมือง ยกเว้นกับพรรคก้าวไกลที่ “ทะลุเพดาน” ไปแล้ว

ดังนั้นชื่อ “อนุทิน” จึงเป็นชื่อที่ “ฝ่ายอำมาตย์-กองทัพ” ยังพอรับได้

และเป็นชื่อที่ “บอบช้ำ” น้อยที่สุด ไม่ผลักให้สถานการณ์ ต้องไปถึง “ทางตัน” อีกครั้ง เพื่อรักษา “องคาพยพ” นี้ไว้

ดังนั้นจึงต้องจับตา “อนุทิน” ให้ดี จะได้เป็น “นายกฯ ส้มหล่น” หรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมา “อนุทิน” รู้ตัวดี ยังไม่ใช่เวลาของตัวเอง แต่ก็พร้อม ถ้าสถานการณ์นั้นมาถึง แต่ในเวลานี้ นายกฯ ยังคงชื่อ “ประยุทธ์” อยู่นั่นเอง

ทว่าอย่ามองข้าม สัญญาณที่ “วิษณุ” ส่งออกมา เพราะ “อดีต” มีให้เห็นมาแล้ว !!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปริศนา ลายพราง
164Article
0Video
39Blog