วันที่ 17 พ.ย.66 เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานใหญ่ ป.ป.ช.นนทบุรี ศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อนขอให้ไต่สวนและมีความเห็นเสนอไปยังอัยการและศาลฎีกากรณีที่นายกรัฐมนตรีจะเสนอให้มีการออก พรบ.กู้เงิน 5 แสนล้านเพื่อมาแจกในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต อันส่อไปในทางขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 ม.140 ประกอบ ม.53 ของ พรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561 และถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงด้วย
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ออกมาแถลงรายละเอียดโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทให้กับประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป โดยต้องเป็นผู้มีรายได้ต่ำกว่า 7 หมื่นต่อเดือนและมีเงินฝากต่ำกว่า 7 แสนบาทในระยะ 6 เดือน โดยแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในโครงการฯคือ การออก พรบ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ในช่วงของการหาเสียงเลือกตั้งนายเศรษฐา ปราศรัยและให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนมาโดยตลอดว่า จะไม่มีการกู้เงินมาใช้ในโครงการแม้แต่สักบาทเดียว ซึ่งถ้าบอกประชาชนมาตั้งแต่แรก พรรคเพื่อไทยอาจจะได้จำนวน สส.เขต และ สส.แบบบัญชีรายชื่อน้อยกว่านี้ก็เป็นไปได้
แต่อย่างไรก็ตาม การจะออกกฎหมายกู้เงินนั้น รัฐธรรมนูญ 2560 มีข้อกำหนดไว้ชัดเจนใน ม.140 ว่าถ้าจะกระทำได้เฉพาะที่ได้อนุญาตไว้ในกฎหมายงบประมาณ กฎหมายเงินคงคลัง และกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังเท่านั้น เว้นแต่ในกรณีจำเป็นรีบด่วนเท่านั้น ส่วน พรบ.ว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561 ก็กำหนดไว้เป็นการเฉพาะใน ม.53 คือต้องเป็นกรณีเร่งด่วน เป็นเรื่องต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตของประเทศ และไม่อาจตั้งงบประมาณประจำปีได้ทันเท่านั้น ซึ่งการออก พรบ.เพื่อกู้เงินมาแจกในขณะนี้ จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายข้างต้นระบุไว้แต่อย่างใด
เหตุผลประการเดียว ที่นายเศรษฐาจำต้องกลืนน้ำลายตนเอง เพราะไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขที่เขียนไว้สวยหรู ในหนังสือที่ชี้แจงต่อ กกต.ตาม ม.57 ของ พรป.พรรคการเมือง 2560 ได้ แต่จำต้องหาเงินมาใช้ขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว โดยการออก พรบ.กู้เงิน และขณะนี้มีความพยายามที่จะอ้างว่าประเทศมีวิกฤตจำต้องกู้เงินมากระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งๆที่สัปดาห์ที่แล้วฟิตซ์ เรตติ้ง ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยไว้ที่ BBB+ ดังนั้น การกูเงินมาแจกจึงมุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาวได้
ซึ่งการกระทำดังกล่าว จึงอาจเป็นการจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามรัฐธรรมนูญ ม.219 ประกอบ พรป.ปปช.2561 หรือไม่ อย่างไร ด้วยเหตุดังกล่าว องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จึงต้องนำความมาร้องเรียนให้ ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนและมีความเห็น และเอาผิดนายกรัฐมนตรีในกรณีดังกล่าวต่อไป