ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ ถาม ส.ส.ต้องการให้ลาออก หรือ ยุบสภา ด้านวิษณุยอมรับ มีการหารือเรื่องยุบสภา เตรียมทำประชามติถามประชาชน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงอีกรอบ ว่าการลาออก, ยุบสภา, หรือแก้รัฐธรรมนูญ รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามหาทางแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็วที่สุด ตนได้ปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้ว กรณีที่นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งจะเกิดอะไรขึ้น หากนายกฯ ลาออก รัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะและต้องมีรัฐบาลรักษาการจนกว่าจะมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ 

โดยรัฐสภาจะต้องเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ ซึ่งจะต้องมี ส.ว.มาเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย และเมื่อยุบสภา ส.ส.ก็ต้องสิ้นสุดลง จึงไม่แน่ใจว่าต้องการแบบนี้หรือไม่ ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เป็นไปตามขั้นตอน โดยได้มอบหมายให้วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงเพิ่ม  


‘วิษณุ’ จ่อ ชงร่างประชามติเข้ารัฐสภาเดือนหน้า

ต่อมาเวลา 15.50 น. วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมมีอยู่ประมาณ 6-7 ข้อ เช่น เรียกร้องอิสรภาพให้ฮ่องกง เรียกร้องขอให้เปิดรัฐสภาสมัยวิสามัญซึ่งก็ได้เปิดแล้ว นอกจากนี้ยังขอให้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง และขอให้เร่งดำเนินการเแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องนี้อยู่ในการพิจารณาของรัฐสภาแล้ว โดย 6 ฉบับที่ค้างอยู่ ความจริงก็ควรจะพิจารณาตั้งแต่วันที่ 1-2 พ.ย. แต่ก็ต้องเข้าใจว่าร่างฉบับไอลอว์อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายชื่อ เสร็จเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่ที่ความกรุณาของประธานรัฐสภาจะสั่งบรรจุวาระพิจารณาในคราวเดียวกันหรือไม่ก็แล้วแต่ 

"เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ก่อนประชุมครม. นายกฯ ได้เชิญหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค และรัฐมนตรี 10 กว่าคน หารือว่าร่างรัฐธรรมนูญควรเดินหน้าต่อไปโดยเร็ว มีคนถามว่าจะส่งสัญญาณไปถึง ส.ว. และฝ่ายค้านอย่างไรได้บ้าง นายกฯ ก็บอกว่าสัญญาณก็ไปอยู่ดี แต่ถ้าจะเรียกหรือเชิญคงไม่เหมาะสม และความจริงสื่อมวลชนหลายที่เสนอไปแล้วว่า นายกฯ ได้ส่งสัญญาณอย่างไรไปยังพรรคร่วมรัฐบาลในเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ นายกฯ ได้ให้ผมทำไทม์ไลน์การแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าตามกฎหมายจะเดินอย่างไร นับแต่ที่เปิดสภาสมัยที่สอง ส่วนเหตุแทรกซ้อนไม่อาจคาดคิด เมื่อเปิดสมัยประชุมในเดือน พ.ย. ก็รับหลักการวาระที่หนึ่ง ตั้งคณะกมธ. ส่วนสภาจะตั้งกมธ.เต็มสภาหรือไม่ก็แล้วแต่" วิษณุ กล่าว  

วิษณุ.jpg
  • วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างวิษณุกำลังชี้แจง อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประท้วงให้วิษณุ ถอนคำพูดที่ระบุว่าผู้ชุมนุมมีการเรียกร้องอิสระภาพให้ฮ่องกง เพราะไม่เป็นความจริง ถือเป็นการใส่ร้ายผู้ชุมนุมโดยขอให้ถอนคำพูด พร้อมตำหนิว่า วิษณุจะพูดมั่วๆ ซั่วๆ อย่างนี้ไม่ได้ ส่งผลให้ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ประท้วงว่า อมรัตน์ออกมาเรียกร้องเหมือนกับเป็นหัวหน้าม็อบ จึงทำให้ พรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภาทำหน้าที่ประธานการประชุม ขอให้ชัยวุฒิถอนคำพูด ซึ่งชัยวุฒิก็ยอมถอน แต่ขอเปลี่ยนเป็นผู้ควบคุมม็อบที่อยู่บนหลังคารถ พร้อมระบุว่า ตัวเองมีคลิปยืนยันหากประธานจะยอมให้เปิด แต่อมรัตน์ไม่ยินยอม จะให้นายชัยวุฒิถอนคำพูดอีกครั้ง แต่พรเพชรพยายามไกล่เกลี่ยจนสำเร็จ และให้วิษณุ ชี้แจงต่อจนจบ 

จากนั้น วิษณุ ได้กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อว่า เมื่อตั้ง กมธ.อาจตั้งเต็มสภาเพื่อเป็นทางออกหนึ่ง ซึ่ง กมธ.พิจารณาไม่เกิน 45 คน ประกอบด้วย ส.ส.และ ส.ว.เท่านั้น เสร็จแล้วต้องทิ้งไว้ 15 วัน ก็คงจะในช่วงเดือน ธ.ค. เชื่อว่าสามวาระก็น่าจะเสร็จสิ้นได้ แต่ยังประกาศใช้ไม่ได้อยู่ดี เพราะต้องมีการออกเสียงประชามติ โดยต้องเป็นไปตามที่ พ.ร.บ.ว่าด้วยการลงประชามติ โดยร่าง พ.ร.บ.ที่ กกต.ร่าง และส่งมาเมื่อเช้า ตนทราบว่ามีการตรวจเสร็จสิ้นทุกมาตราแล้ว น่าจะส่งเข้าสภาได้ในสัปดาห์หน้า โดยจะขอพิจารณาร่วมสองสภา ซึ่งจะเร่งรัดตัดขั้นตอนไปได้ คงใช้เวลาช่วงเดือน พ.ย. คู่ขนานไปกับพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้นนำร่างกฎหมายออกเสียงที่สภาเห็นชอบขึ้นทูลเกล้าฯ ทรงมีเวลาพิจารณา 90 วัน แล้วแต่พระมหากรุณาโปรดเกล้าลงมาเมื่อไหร่ จากนั้นจึงเอาร่างรัฐธรรมนูญไปสู่การทำประชามติ แต่หากมีการตั้ง ส.ส.ร.ก็ต้องดำเนินการคัดเลือกแล้ว รูปแบบจะอย่างไรก็แล้วแต่ กมธ.จะพิจารณาในวาระ 2

วิษณุ กล่าวต่อว่า ส่วนข้อเสนอ 3 ข้อที่ยังไม่มีการดำเนินการ คือ การลาออกของนายกฯ การยุบสภา และการปฏิรูปสถาบัน ซึ่งการปฏิรูปสถาบัน รัฐบาลไม่ทราบและไม่เข้าใจจริงๆ ว่าหมายถึงอะไร จึงอยากฟังการอภิปรายของสมาชิกให้ชัดเจน ส่วนการยุบสภานั้นมีการพิจารณาเหมือนกัน แต่สภามีความผิดอะไรถึงจะยุบ เพราะจะต้องเกิดจากความขัดแย้งอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นมาถึงจะยุบสภาได้ แต่ถ้าเป็นความประสงค์และเจตนาร่วมจากหลายฝ่าย นายกฯ คงต้องหารือผู้เกี่ยวข้องต่อไป 

อมรัตน์.jpg
  • อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ขณะลุกขึ้นประท้วงให้วิษณุ ถอนคำพูดที่ระบุว่าผู้ชุมนุมมีการเรียกร้องอิสระภาพให้ฮ่องกง เพราะไม่เป็นความจริง

ส่วนประเด็นนายกฯ ลาออกทางฝ่ายกฎหมายได้ทำข้อเสนอมาว่าหากลาออกแล้วจะหานายกฯ คนใหม่จากขั้นตอนใด ซึ่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 172 มีเงื่อนไขว่านายกฯคนใหม่ต้องมาจากรายชื่อที่เสนอเอาไว้ตั้งแต่ครั้งเลือกตั้ง ขณะนี้มีอยู่ 5 คน จากเดิม 7 คนโดยตัดธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และพล.อ.ประยุทธ์ ออกไป แต่คนที่จะมาเป็นนายกฯ จะต้องได้คะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งสองสภาที่มีอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเมื่อเช้าประธานได้รายงานว่าที่ประชุมมีสิทธิออกเสียงได้ 732 คน ซึ่งกึ่งหนึ่ง ก็คือ 366 เสียง ต่อให้ ส.ว.งดออกเสียงทั้งหมดตามที่หลายคนเรียกร้อง ก็ต้องหากันมาให้ได้ 366 เสียง หากไม่ได้ก็ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ก็จะเป็นข้อกฎหมายว่า หากถึงทางตันแล้วจะทำอย่างไร 

“หลายคนเสนอว่าขอให้พรรคพลังประชารัฐเทเสียงให้พรรคร่วมค้านยกใครขึ้นมาเป็นนายกฯ ก็สามารถทำได้ แต่ก็ต้องคำนึงเรื่องสิทธิของแต่ละฝ่ายด้วย เพราะนายกฯก็ได้รับเสียงเรียกร้องเหมือนกันว่าอย่าออก ก็ต้องพิจารณาว่าจะอย่างไรต่อไป ส่วนอีกข้อเสนอที่ทั้งสามฝ่ายเสนอมาในที่ประชุม คือการทำประชามติถามประชาชน ก็ต้องถามว่าจะถามอย่างไร เพราะรัฐธรรมนูญ มาตรา166 บัญญัติห้ามทำประชามติออกเสียงเรื่องตัวบุคคล แต่หากจะหาช่องทางอื่นที่แยบคายและแนบเนียนก็น่าจะพิจารณาได้ โดยนายกฯก็คงจะมีการนำเรียนต่อประธานสภาในตอนท้ายว่ามีความเป็นไปได้อย่างไร” วิษณุ กล่าว 


‘เฉลิมชัย’ รับลูก ‘วิษณุ’ ชงสูตรประชามติเฉพาะกิจ 20 ธ.ค.

พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม ส.ว.อภิปรายถึงแนวทางแก้ปัญหาความขัดแย้งว่า ขอเสนอทางออกแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยการทำประชามติ แต่ไม่ให้รัฐบาลเป็นผู้ตั้งคำถาม โดยให้ประธานรัฐสภาใช้อำนาจตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งประกอบด้วย ตัวแทนรัฐบาล ส.ส.รัฐบาล ส.ส.ฝ่ายค้าน ส.ว. ตัวแทนนักเรียน นักศึกษา อดีตประธานศาลฎีกา อดีตประธานศาลปกครอง ตัวแทนองค์กรอิสระ ไปร่วมกันตั้งคำถามประชามติอย่างน้อย 3 ข้อ ในประเด็นที่เป็นข้อข้อแย้ง เพื่อหาข้อยุติแล้วส่งให้รัฐบาลไปทำประชามติเพื่อให้ประชาชนตัดสิน

นอกจากคณะกรรมการชุดนี้จะไปตั้งคำถามประชามติแล้ว ยังมีหน้าที่ทำกฎหมายประชามติในกรณีเร่งด่วน เพื่อให้เสนอเป็น พ.ร.ก.ประชามติ ใช้เฉพาะทำประชามติแก้ความขัดแย้งในครั้งนี้โดยเฉพาะ เพราะจะไปรอให้ร่าง พ.ร.บ.ประชามติผ่านสภาในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าคงไม่ทัน โดยพ.ร.ก.ประชามติครั้งนี้ จะให้ทำประชามติในวันที่ 20 ธ.ค. 2563 วันเดียวกับการเลือกตั้งนายกฯ อบจ.ทั่วประเทศ เชื่อว่าไม่ช้าหรือเร็วเกินไป จะเป็นการลบคำสบประมาทว่า เวทีรัฐสภาเป็นเวทีปาหี่ หาทางออกไม่ได้