ไม่พบผลการค้นหา
'อนุทิน' ชี้เพื่อไทยขนทีมลงศรีสะเกษ "ไล่หนูตีงูเห่า" เป็นเพียงกลยุทธ์ ปัดวิจารณ์ดึง 'ณัฐวุฒิ' นั่ง ผอ.ครอบครัว ระบุภูมิใจไทยลงพื้นที่เองไม่เคยพึ่งใคร เชื่อประชาชนเบื่อความขัดแย้งเต็มที

วันที่ 17 มิ.ย. อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยยกทีมลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ โดยใช้ชื่อว่า "ไล่หนู ตีงูเห่า" ว่า พื้นที่แต่ละจังหวัดไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่ละจังหวัดจะต้องมีผู้แทน ซึ่งคนที่จะเสนอตัวเป็นผู้แทนก็ต้องมีกลยุทธ์ของแต่ละพรรคเพื่อให้ประชาชนเลือก แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน 

ส่วนการที่ดึง ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แกนนำเสื้อแดงเข้ามาเป็น ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย จะมีนัยยะอะไรหรือไม่ อนุทิน ระบุว่า คงเป็นกลยุทธ์ แต่ไม่สามารถไปวิจารณ์ว่าอะไรถูกอะไรผิด อย่างเช่น การลงพื้นที่พรรคภูมิใจไทย ตนก็จะลงด้วยตัวเองไม่ต้องพึ่งพาใคร ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่พรรคภูมิใจไทยเชื่อว่าหากหัวหน้าพรรคและตัวรัฐมนตรีลงพื้นที่เองก็จะสามารถให้ความเชื่อมั่นกับชาวบ้านได้ เป็นเรื่องปกติ ต่างคนต่างความคิด 

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเป็นการดึงความขัดแย้งทางการเมืองกลับมาหรือไม่นั้น อนุทิน ระบุว่า เชื่อว่าทุกวันนี้ประชาชนเบื่อความขัดแย้ง และความรุนแรงเต็มทน อย่างคนที่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องที่เคยทำให้เกิดความขัดแย้งมาก่อนในอดีตก็ต้องดูความรู้สึกของประชาชน และต้องปรับเปลี่ยน

ทั้งนี้ตนเองและ ณัฐวุฒิ ก็เป็นพี่น้องกันมาตลอด เพราะเคยเรียนหลักสูตร ปทส.3 รุ่นเดียวกัน เจอกันก็ทักทายกันปกติ ไม่มีปัญหาอะไร และเพื่อนในพรรคเพื่อไทยตนก็มีเยอะแยะ แต่เมื่อถึงเวลาทำหน้าที่ก็ต้องแยกแยะ ซึ่งเป็นบรรยากาศที่เป็นปกติทางการเมือง เปรียบเหมือนการตีกอล์ฟที่ร่วมตีกลุ่มเดียวกันได้ แต่เวลานับคะแนนก็ไม่มีใครยอมใคร เป็นเรื่องกติกาสากล แต่ไม่มีใครเคียดแค้น เกลียดชังอะไรกัน

ส่วนเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อนุทิน กล่าวว่า แม้จะอภิปรายของคนอื่นไม่ได้ แต่ต้องชี้แจงตามข้อกล่าวหาในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในส่วนของตนเองก็ต้องเตรียมตัวนำข้อมูลที่กระชับ เข้าใจง่ายมาชี้แจง และหาเหตุผลหลักฐานมาแก้ต่าง ขณะที่ตัวนายกรัฐมนตรีเองไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะผ่านการไม่ไว้วางใจมา 3 สมัยแล้ว ซึ่งการอภิปรายทุกครั้งที่ผ่านมาตนได้เสียงโหวตสนับสนุนมาก พร้อมเชื่อว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะหากรัฐบาลทำอะไรโดยไม่มีการตรวจสอบ ประชาชนก็ไม่เอา จึงเป็นเรื่องดีที่รัฐมนตรีจะได้ตอกย้ำถึงเหตุผลในการทำอะไรต่างๆ สิ่งที่มั่นใจที่สุดคือตนไม่เคยทุจริตไม่เคยทำอะไรไม่ดีต่อบ้านเมืองและประชาชน สามารถตอบได้อยู่แล้ว 

ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้คาดว่าจะมีเสียงจากฝ่ายค้านโหวตสนับสนุนให้มากกว่า 7 เสียงเหมือนการอภิปรายครั้งก่อนหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่ต้องอยู่ในกติกามีเหตุผลที่อภิปรายให้สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลเข้าใจได้ อย่าเพิ่งไปนึกถึงฝ่ายค้าน ขอให้สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ในแถว มีสปิริต ไม่ใช้เกมการเมืองมากลั่นแกล้ง หรือกดดันกันก็น่าจะผ่านอยู่แล้ว แต่หากเราไม่สามารถอธิบายข้อกล่าวหาได้ และสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการกระทำที่ไม่ชอบโดยเฉพาะเรื่องทุจริตต่อหน้าที่ก็ตัวใครตัวมัน

นอกจากนี้ อนุทิน ยังระบุถึงข้อกล่าวหาที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติเรื่องการใช้เงินดึง ส.ส. พรรคอื่นเข้าพรรคภูมิใจไทย ว่า จะเอาเงินมาจากไหน แล้วทำไมต้องทำ เพราะทุกวันนี้ส.ส.พรรคอื่นก็ไม่มีใครใจกล้าลาออกจากพรรคแล้วมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย มีเพียง ส.ส.ที่ถูกขับออกจากพรรคเดิม ซึ่งต้องไปสังกัดพรรคอื่นตามรัฐธรรมนูญกำหนด ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร


บ.ตู้กดน้ำดัง เลิกขายเมนูผสมกัญชาแล้ว

อนุทิน กล่าวถึงข้อกำหนดเรื่องการห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าถึงกัญชา ซึ่งยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับการเข้าถึงตามร้านสะดวกซื้อ หรือตู้กดน้ำที่บริการตัวเอง ว่า เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี คือห้ามเข้าถึงทุกรูปแบบ โดยล่าสุดบริษัทตู้กดน้ำอัตโนมัติดังกล่าวก็แจ้งมาแล้วว่า จะไม่ขายแล้วเพื่อเป็นการตัดปัญหา และหากไปซื้อตามห้างร้านผู้ให้บริการก็จะรู้ว่าไม่ขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี พร้อมระบุว่า ต้องพยายามแก้ไขปัญหากันไป โดยย้ำว่ากัญชาเสรีออกมาเพื่อการแพทย์และสุขภาพ นอกจากนั้นก็ไม่สมควรจะทำ อีกทั้งยังมีกฎหมายอื่นบ่งชี้ว่าการเสพเพื่อมึนเมาออกฤทธิ์ต่อจิต ประสาทผิดอยู่แล้ว ต้องเข้าใจกฎหมาย ไม่ถูกยกเว้น

อนุทิน ยังระบุว่า ไม่ได้มีเจตนารมณ์ที่นำเรื่องนี้มาก่อให้เกิดความขัดแย้งเคลือบแคลงสงสัย แต่เชื่อว่าจะกลายเป็นเรื่องปกติ เพราะของอะไรที่อยู่ใต้ดินนำขึ้นมาทำให้ถูกกฎหมายและรณรงค์ให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ก็จะเห็นคนที่ทำผิดชัดขึ้น ซึ่งจะสามารถควบคุมและปราบปรามได้ 

ส่วนเรื่องนี้จะถูกยึดโยงมาเป็นประเด็นการเมืองใช้ดิสเครดิตพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ อนุทิน ระบุว่า ผู้สื่อข่าวมัวแต่ไปถามคนที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งไม่รู้ว่าเขามีเจตนารมย์อะไรแต่คนที่เห็นด้วยกว่า 3 ล้านเสียงที่เลือกพรรคภูมิใจไทยกลับไม่ไปถาม