เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566 เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรีกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วย ดนุพร ปุณณกันต์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง กทม. พรรคเพื่อไทย นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดพื้นที่พบปะ แลกเปลี่ยน พูดคุยกับตัวแทนเครือข่ายนักศึกษา 8 สถาบัน ได้แก่ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย , มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ,มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒน์ มหาวิทยาลัยมหิดล ,มหาวิทยาลัยรามคำแหง, สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) มหาวิทยาลัยศรีปทุมที่ร้านอาหารโรงเสบียง แสนสิริ แบ็คยาร์ด โดยนักศึกษาได้สอบถาม แลกเปลี่ยนในหลายประเด็น เช่น
1.โรงเรียนในต่างจังหวัด ยังเข้าไม่ถึงระบบการศึกษาเพียงพอ
2.นโยบายสนับสนุนเด็กจบใหม่ ให้เข้าถึงเงินทุนในการทำธุรกิจของตัวเอง
3.แนวคิดพาคนไทยสมองไหลกลับบ้าน
4.นโยบายการดูแลผู้แพ้ หรือ ผู้ที่ไม่สามารถเข้าศึกษาต่อในสถาบันศึกษาที่ต้องการอย่างไร เป็นต้น
เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ตอบคำถามของตัวแทนนักศึกษา โดยกล่าวว่า นโยบายการดูแล ‘ผู้แพ้’ หรือบุคคลที่ไม่ได้ผ่านการคัดเลือกเข้าในสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียง หรือมหาวิทยาลัยปิดที่ต้องการ เพราะระบบการศึกษาภาคบังคับของไทย อาจไม่เหมาะสมกับเด็กเหล่านั้น โดยในระหว่างที่รอการสอบใหม่ สามารถที่จะเข้าเรียนในการศึกษาในมหาวิทยาลัยเปิด ที่มีศักยภาพในการสอนเช่นเดียวกัน และหาโอกาสใหม่ๆ ในการศึกษาต่อ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งสอดรับกับนโยบายสร้างระบบการเรียนรู้ดิจิทัลแบบครบวงจร “แพลตฟอร์ม Learn to Earn”
รวมทั้งนำเอานโยบาย 1 อำเภอ 1 ทุน นโยบายในสมัยรัฐบาลไทยรักไทย ให้เด็กทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาในต่างประเทศเพื่อกลับมาพัฒนาบ้านเกิดพัฒนาประเทศ
ส่วนเรื่องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนหลังจบการศึกษา สำหรับการตั้งตัวประกอบธุรกิจขนาดเล็กนั้น ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการให้เงินทุนเล็กๆน้อยเป็นเบี้ยหัวแตก เพราะจะสร้างภาระในการตรวจสอบและไม่สามารถสร้างธุรกิจได้จริง ทางพรรคอยู่ในระหว่างการศึกษาสร้าง Startup Fund โดยมีภาครัฐและภาคเอกชนเข้ามาเป็นผู้ร่วมสนับสนุน มีโครงสร้างการนำเสนอไอเดียเพื่อขอทุน และตรวจสอบการใช้ทุน เพื่อให้คนที่มีความคิดมีความสามารถ แต่ขาดเงินทุน สามารถเข้าถึงเงินทุนเพื่อเริ่มต้นธุรกิจได้
ส่วนแนวคิดพาคนไทยสมองไหลกลับบ้าน เศรษฐา กล่าวว่า หากประเทศไทยมีอนาคตที่ดีกว่า เศรษฐกิจปรับฟื้นขึ้นมา เป็นประเทศแห่งความหวังและโอกาส แม้เงินเดือนน้อยกว่าการทำงานในต่างประเทศ แต่ค่าครองชีพถูกกว่า ได้งานที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ไม่ต้องมีนโยบายพาคนไทยสมองไหลกลับบ้าน ตนเชื่อมั่นว่าคนไทยจะอยากกลับเข้ามาในภูมิลำเนาของตนเองแน่นอน