นิตยสาร TIME ของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยรายชื่อ 'บุคคลแห่งอนาคต' หรือ TIME 100 Next ประจำปี 2019 เมื่อ 14 พ.ย.2562 โดยระบุว่าเป็นการคัดเลือก "บุคคล (หรือกลุ่มบุคคล) ที่เป็น 'ดาวรุ่ง' และมีอิทธิพลต่ออนาคตของแวดวงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ บันเทิง กีฬา การเมือง วิทยาศาสตร์" โดยแตกแขนงจากการคัดเลือกบุคคล 'ทรงอิทธิพล' หรือ TIME Influential Person ในแต่ละปี เพราะเป็นการจับตามองกลุ่มคนน่าสนใจซึ่งมีแนวโน้มจะมีบทบาทสำคัญในด้านต่างๆ ในอนาคต
BLACKPINK เกิร์ลกรุ๊ปจากเกาหลีใต้ ติดกลุ่ม Phenom หรือ 'ผู้สร้างปรากฏการณ์' ของ TIME 100 Next ปีนี้ โดยมีดัชนีชี้วัดความสำเร็จหลายประการ เช่น การเป็นเกิร์ลกรุ๊ปต่างชาติ 'วงแรก' ที่ได้รับเชิญไปแสดงในเทศกาลดนตรี Valley Music and Arts Festival ของสหรัฐฯ ซึ่งแต่เดิมเน้นการแสดงของนักดนตรีแนวพังก์และร็อก ทั้งยังได้รับเสียงตอบรับที่ดี และก่อนหน้านี้เมื่อปี 2018 ก็มีโอกาสได้ร่วมงานกับศิลปินชื่อดังอย่าง Dua Lipa ในเพลง Kiss and Make Up
นอกจากนี้ บัญชียูทูบ BLACKPINK มีผู้กดติดตามมากถึง 31.3 ล้านแอคเคาต์ มากกว่าวงดนตรีอื่นๆ แม้แต่ BTS วงบอยแบนด์จากเกาหลีใต้ที่ได้รับการจัดอันดับเป็นผู้ทรงอิทธิพลของโลกโดยนิตยสารไทม์ปีนี้ ก็ยังมีผู้ติดตามในยูทูบเพียง 23.3 ล้านแอคเคาต์ และสื่อต่างประเทศรายงานเมื่อ 13 พ.ย.ว่า มิวสิกวิดีโอเพลง Ddu-Ddu Ddu-Ddu ผลงานของวงที่เผยแพร่ในปี 2018 มีผู้ชมในยูทูบมากกว่า 1 พันล้านครั้งแล้วในวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา
ความสำเร็จของ BLACKPINK เกิดขึ้นในยุคที่ดนตรีแนวเคป็อปเป็นที่รู้จักกันดีแล้ว เพราะมีศิลปินรุ่นพี่หลายรายปูทางเอาไว้ก่อน แต่สิ่งที่ทำให้แบล็กพิงก์ถูกมองว่า 'แตกต่าง' จากเกิร์ลกรุ๊ปวงอื่นๆ มาจาก 'สูตรสำเร็จ' ที่ผสมผสานกลยุทธ์ทางการตลาดและ 'วัตถุดิบ' ที่มีอยู่อย่างลงตัว
ก่อนหน้านี้ TIME รายงานว่า แบล็กพิงก์มีภาพลักษณ์ของวงที่แตกต่างจากเกิร์ลกรุ๊ปวงอื่นๆ ของเกาหลีใต้ที่มักจะสะท้อนภาพผู้หญิงใน 2 แบบหลักๆ คือ 'น่ารัก' และ 'เซ็กซี่' แต่สื่อต่างประเทศมองว่าแบล็กพิงก์วางตัวเองในฐานะ 'สาวแสบ' (badass) สะท้อนผ่านชื่อวงที่เป็นการผสมกันระหว่างสีดำที่เป็นตัวแทนความมืดหม่น และสีชมพูที่เป็นตัวแทนความอ่อนหวาน
(ซ้ายไปขวา: โรเซ่, จีซู, ลิซ่า และเจนนี่ BLACKPINK บนเวที Coachella Valley Music and Arts Festival)
หากมองในแง่ความสามารถและรูปร่างหน้าตา แบล็กพิงก์อาจไม่ได้แตกต่างมากนักเมื่อเทียบกับเกิร์ลกรุ๊ปที่โด่งดังวงอื่น เช่น Red Velvet, Twice, Girls Generation, Wonder Girls หรือแม้แต่วงรุ่นพี่ในสังกัด YG ด้วยกันอย่าง 2NE1 แต่ภาพลักษณ์ของสมาชิกทั้ง 4 คนที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ช่วยให้แฟนเพลงเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับคาแรกเตอร์ของสมาชิกแต่ละคน
ส่วนแนวดนตรีที่ผสมผสานระหว่าง EDM, Trap, Pop และ Rap รวมกันเป็นทำนองติดหู ผนวกกับท่าเต้นที่เป็น 'จุดแข็ง' ของเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีใต้ ก็ยิ่งทำให้ผลงานของแบล็กพิงก์เป็นที่จดจำมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้แบล็กพิงก์ถูกมองว่าแตกต่างจากเกิร์ลกรุ๊ปวงอื่นได้สะท้อนผ่านเนื้อเพลงบางส่วนที่ผู้หญิงไม่ได้เป็นช้างเท้าหลัง หรือ 'ผู้ตาม' เสมอไป เช่น “I may look sweet, but I don’t act like it,” (ฉันอาจดูเหมือนอ่อนหวาน แต่ฉันไม่ได้ทำตัวแบบนั้น) ในเพลง Ddu-Ddu Ddu-Ddu และ "Gotta kill this love. Before it kills you, too" (ต้องฆ่าความรัก ก่อนที่ความรักจะฆ่าคุณ) ในเพลง Kill This Love ซึ่งทัศนคติแบบนี้ไปได้ดีกับกระแสโลกที่มีการเคลื่อนไหวต่อต้านการคุกคามทางเพศในยุค #MeToo ขณะที่ภาพลักษณ์ของเกิร์ลกรุ๊ปเคป็อปยุคแรกๆ มักจะเน้นความน่ารัก สดใส อ่อนหวาน หรือไม่ก็เซ็กซี่ไปเลย
'เท็ดดี พัก' อดีตแร็ปเปอร์ของค่าย YG ต้นสังกัดของ BLACKPINK ซึ่งปัจจุบันเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับวง เคยให้สัมภาษณ์กับ Billboard เมื่อต้นปีที่ผ่านมาว่า แบล็กพิงก์ได้ทำสัญญากับบริษัท Interscope ในสหรัฐฯ เพื่อเป็นตัวแทนของวงในการทำธุรกิจและบุกตลาดเพลงฝั่งตะวันตก โดยระบุว่า วงการดนตรีในปัจจุบันมีความเป็นสากลมากขึ้น วัฒนธรรมและความนิยมที่เคยเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม ถูกนำมาผสมผสานจนเกิดเป็นงานเพลงแปลกใหม่ ทำลายกำแพงภาษาและเชื้อชาติ ซึ่งบิลบอร์ดระบุว่า นี่คือสิ่งสำคัญในการ 'ขยายตลาด' ของธุรกิจดนตรี
BLACKPINK ประกอบด้วยสมาชิก 4 คน ได้แก่ จีซู, เจนนี่, โรเซ่ และ ลิซ่า ซึ่งภูมิหลังของแต่ละคน ช่วยให้เกิดฐานแฟนเพลงในหลายประเทศ และภาพลักษณ์ที่แตกต่างกันของสมาชิกแต่ละคนได้เพิ่มโอกาสในการเป็นพรีเซนเตอร์หรือแบรนด์แอมบาสเดอร์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ช่วยต่อยอดมูลค่าทางธุรกิจให้กับค่ายได้อีกเป็นจำนวนมาก
'ลิซ่า' หรือ 'ลลิษา มโนบาล' สมาชิกชาวไทยเพียงคนเดียวของวง เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนไทยซึ่งอาจจะไม่ได้เป็นแฟนเพลงเคป็อป 'รู้จัก' วงแบล็กพิงก์ และลิซ่าได้รับคำชมอย่างมากจากการเป็นนักเต้นที่โดดเด่น และมีภาพลักษณ์ 'สาวเท่' ที่มีความสามารถในการร้องและแร็ป
ขณะที่'โรเซ่' หรือ 'พักแชยอง' เกิดที่นิวซีแลนด์ โตที่ออสเตรเลีย จึงสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว มีเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ เล่นกีตาร์และเปียโนได้ จึงมีภาพลักษณ์ของนักดนตรีมากความสามารถ
ส่วน 'เจนนี่' หรือ 'เจนนี่ คิม' เกิดที่เกาหลีใต้ แต่ใช้เวลาช่วงวัยรุ่นตอนต้นศึกษาเล่าเรียนในนิวซีแลนด์ มีความสามารถในการร้องและแร็ปเป็นหลักของวง ทั้งยังมีชื่อเสียงในฐานะ 'แฟช่ันนิสตา' สะท้อนภาพหญิงสาวมีสไตล์ มั่นใจในตัวเอง
'จีซู' หรือ 'คิมจีซู' เป็นสมาชิกคนเดียวที่เกิดและโตในเกาหลีใต้ เคยมีประสบการณ์ด้านพิธีกรรายการโทรทัศน์ รวมถึงเคยแสดงมิวสิกวิดีโอและโฆษณาหลายชิ้น ก่อนจะออกผลงานในฐานะแบล็กพิงก์ เป็นที่รู้จักในฐานะสมาชิกที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี มีอารมณ์ขัน
สมาชิกทั้งหมดต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงในฐานะ 'เด็กฝึก' หรือ trainee อยู่นานหลายปีกว่าจะได้เปิดตัว มีผลงานออกสู่สาธารณะในปี 2016 ทั้งสี่คนไม่ได้เข้ารับการศึกษาในหลักสูตรปกติ โดยเฉพาะ 'ลิซ่า' ต้องเรียนภาษาเกาหลีเพิ่มเติมจนสามารถใช้สื่อสารได้อย่างคล่องแคล่ว ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้ความพยายามอย่างมาก แต่การเป็น 'เด็กฝึก' ถือเป็นจุดขายอย่างหนึ่งของวงการเคป็อป เพื่อตอกย้ำว่า ศิลปินที่มีผลงานออกมาแต่ละคนนั้น'มีคุณภาพ' เพราะผ่านการฝึกฝนและทดสอบอย่างเป็นระบบมาแล้วอย่างเข้มข้น
นอกจากนี้ การที่วงโด่งดังขึ้นมาในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นกลไกสำคัญในการรับชมความบันเทิงของคนจำนวนมาก ก็ยิ่งช่วยให้แฟนเพลงติดตามข่าวสารของวงได้จากช่องทางที่หลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นยูทูบแชนแนล ไลฟ์สตรีมมิ่ง ไอจี ทวิตเตอร์ รวมถึงแอปพลิเคชันต่างๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้แบล็กพิงก์เข้าถึงแฟนเพลงทั่วโลกได้มากกว่าศิลปินเคป็อปในยุคก่อนหน้า ทำให้เกิดฐานแฟนคลับที่มั่นคงในหลายประเทศ โดยกลุ่มแฟนคลับเหล่านี้พร้อมใจกันเรียกตัวเองว่า BLINKS
ล่าสุด นิตยสาร Forbes รายงานด้วยว่า BLACKPINK อาจได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ในสาขาศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม (Best New Artist) ซึ่งถ้าเป็นไปตามรายงานของฟอร์บสจริง ถือว่าแบล็กพิงก์สร้างปรากฏการณ์ใหม่อีกหนึ่งอย่างในฐานะเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีใต้วงแรกที่ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ของสหรัฐฯ ในสาขานี้ ซึ่งต้องรอฟังคณะกรรมการฯ แกรมมี่จะประกาศรายชื่ออย่างเป็นทางการในวันที่ 20 พ.ย.ที่จะถึง
ส่วนบอยแบนด์ชื่อดังจากเกาหลีใต้อย่างวง BTS ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่สาขา Best Recording Package ประจำปี 2019 จากอัลบั้ม "Love Yourself : Tear" ซึ่งเป็นรางวัลสาขาที่มอบให้กับโปรดิวเซอร์หรืออาร์ตไดเร็กเตอร์
ที่มา: BBC/ Billboard/ Forbes/ TIME
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: