การลงนามในการประกาศใช้กฎอัยการศึกของปูตินในครั้งนี้ ครอบคลุมเหนือพื้นที่ของยูเครน ได้แก่ โดเนตสก์ ลูฮานสก์ เคอร์ซอน และซาปอริซเซีย ซึ่งถูกรัสเซียประกาศการผนวกเข้าเป็นของตนเองไปจากยูเครน เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา แม้ว่ารัสเซียเองจะยังไม่สามารถควบคุมพื้นที่ทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์

กฤษฎีกากฎอัยการศึกที่เพิ่งได้รับการลงนามโดยปูตินไปล่าสุด จะถูกส่งไปยังสภาสหพันธรัฐของรัสเซียเพื่อรับการรับรอง และส่งไปยังรัฐสภาดูมาเพื่อเป็นการแจ้งให้ทราบถึงผลบังคับใช้ โดยการประกาศกฎอัยการศึกเหนือ 4 พื้นที่ของยูเครนโดยปูตินในครั้งนี้ จะส่งผลให้รัสเซียอ้างการควบคุมพื้นที่ที่รัดกุมและรุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจหมายรวมถึงการห้ามการเดินทาง การรวมตัวกันในที่สาธารณะ การออกมาตรการเซ็นเซอร์ที่เข้มงวดขึ้น ตลอดจนการมอบอำนาจเพิ่มเติมแก่เจ้าหน้าที่ของทางการรัสเซีย

“ผมลงนามในกฤษฎีกา เพื่อการประกาศใช้กฎอัยการศึกใน 4 พื้นที่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย (โดเนตสก์ ลูฮานสก์ เคอร์ซอน และซาปอริซเซีย)” ปูตินระบุ “มันจะถูกส่งต่อไปในทันทีเพื่อการรับการอนุมัติจากสภาสหพันธรัฐ และสภาแห่งรัฐดูมาที่จะรับทราบถึงการตัดสินใจนี้”

“เรากำลังทำงานเพื่อการแก้ไขความท้าทายขนาดใหญ่ที่ยากเย็น เพื่อความมั่นคงและอนาคตที่ปลอดภัยของรัสเซีย เพื่อปกป้องประชาชนของเรา” ปูตินระบุ “ผู้ที่อยู่ในด่านหน้า หรือกำลังอยู่ในระหว่างการฝึกที่สนามยิง และศูนย์ฝึก ควรจะสัมผัสได้ถึงการให้การสนับสนุนของเรา และควรรู้ว่าพวกเขามีชาติอันยิ่งใหญ่และเกรียงไกรของพวกเขาอยู่ และผนึกประชาชนให้เป็นปึกแผ่นเอาไว้ที่เบื้องหลังของพวกเขา”

นอกจากนี้ ปูตินยังประกาศมอบอำนาจฉุกเฉินเพิ่มเติม แก่ผู้นำของทุกภูมิภาคที่ได้รับการแต่งตั้งไปจากรัสเซีย “ในสถานการณ์ ณ ตอนนี้ ผมพิจารณาแล้วว่ามันมีความจำเป็น ที่จะมอบอำนาจพิเศษแก่ผู้นำของภูมิภาคต่างๆ ของรัสเซีย” ปูตินกล่าวแต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เพิ่มเติมว่าตนได้มอบอำนาจพิเศษใดไปบ้าง

อย่างไรก็ดี ปูตินอ้างว่า “ในกรณีดังกล่าว ผมขอย้ำเตือนท่านว่าในสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ สาธารณรัฐประชาชนลูฮานสก์ เช่นเดียวกับในภูมิภาคเคอร์ซอน และซาปอริซเซีย กฎอัยการศึกมีผลบังคับใช้มาแต่ก่อนการเข้าร่วมรัสเซียแล้ว” ก่อนที่ประธานาธิบดีรัสเซียจะอ้างต่อไปว่า “ตอนนี้เราจำเป็นต้องทำให้ระบอบการปกครองนี้ ถูกทำให้เป็นทางการภายใต้กรอบของกฎหมายรัสเซีย”

ในระหว่างการแถลงของปูตินผ่านทางโทรทัศน์ ประธานาธิบดีรัสเซียได้ระบุกับสมาชิกสภาความมั่นคงรัสเซียว่า ตนได้สั่งให้รัฐบาลรัสเซียจัดตั้งคณะกรรมาธิการพิเศษเพื่อการประสานงาน ภายใต้การกำกับการของ มิคาอิล มิชูสติน นายกรัฐมนตรีรัสเซีย เพื่อการทำงานร่วมกันกับภูมิภาคที่ถูก “ผนวก” เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ในการส่งเสริมการทำสงครามในพื้นที่ยูเครน

รัสเซียเริ่มพ่ายแพ้ในสมรภูมิยูเครนมากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดช่วงเดือน ก.ย.มาจนถึงปัจจุบัน โดยล่าสุด กองทัพของยูเครนกำลังเตรียมความพร้อม เพื่อการบุกยึดพื้นที่คืนเหนือดินแดนของเคอร์ซอน เมืองหลักประจำภูมิภาคแรกและเมืองเดียวของยูเครน ที่ถูกรัสเซียยึดไปตั้งแต่ช่วงต้นของการรุกรานเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา โดยล่าสุด กองกำลังของยูเครนสามารถรุกคืบในแนว 30 กิโลเมตรตลอดแม่น้ำดนีเปอร์ และอาจเข้ารุกคืนพื้นที่เคอร์ซอนในเร็วๆ นี้ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ของรัสเซียเร่งประกาศให้ประชาชนอพยพหนีโดยด่วน

ในอีกทางหนึ่ง เซอร์เก ซูโรวิกิน ผู้บังคับบัญชาการกองทัพรัสเซียในยูเครน ออกมายอมรับว่าสถานการณ์การรบในพื้นที่ทางตอนใต้ของยูเครนอย่างเคอร์ซอน ตกอยู่ในภาวะตึงเครียด “สถานการณ์โดยรวมในพื้นที่ปฏิบัติการพิเศษทางการทหารอาจเรียกได้ว่าตึงเครียด” ซูโรวิกินให้สัมภาษณ์กับสื่อของรัสเซีย ในขณะที่มีรายงานว่า กองทัพรัสเซียพยายามเร่งอพยพพลเรือนในพื้นที่เคอร์ซอนมายังฝั่งรัสเซียแล้ว แต่ยังไม่มีรายงานตัวเลขผู้อพยพที่แน่ชัด ทั้งนี้ การบังคับให้พลเรือนทิ้งที่อยู่อาศัยของตน ถือเป็นความผิดเข้าข่ายข้อหาอาชญากรสงคราม ตามบทบัญญัติของสหประชาชาติด้วย