“ตอนนี้เราสามารถพูดได้ชัดแล้วว่ากองกำลังรัสเซียได้เริ่มสงครามเพื่อแย่งชิงดอนบาสแล้ว หลังจากที่พวกเขาได้เตรียมตัวกันมาอย่างยาวนาน” โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนแถลงผ่านทางโทรทัศน์ต่อประชาชนชาวยูเครนเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (18 เม.ย.) ก่อนย้ำว่า “กองกำลังหลักของกองทัพรัสเซียทั้งหมด ณ ตอนนี้กำลังเล็งเป้าหมายมาที่การโจมตีในครั้งนี้”
แต่ถึงแม้ว่ารัสเซียจะทำการรุกรานพื้นที่ดอนบาสแล้วก็ตาม เซเลนสกียังคงยืนยันว่า “ไม่ว่าจะมีกำลังทหารอีกมากเพียงใดที่ขับเคลื่อนเข้ามาที่นี่ เราจะป้องกันตนเอง เราจะสู้ เราจะไม่ยอมสละอะไรจากยูเครนไป” ทั้งนี้ แอนดรีย์ เยอร์มัก เสนาธิการประธานาธิบดียูเครนย้ำว่า “สงครามในระลอกที่สองได้เริ่มขึ้นแล้ว”
การเข้ารุกรานดอนบาสของยูเครนโดยรัสเซียในครั้งนี้ ถูกกำหนดตามแผนการของ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ที่จะเร่งทำการเข้ายึดครองพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในด้านเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมของยูเครนเอง อย่างไรก็ดี บางส่วนของพื้นที่ในดอนบาสมีกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียคอยให้การหนุนหลังสามารถควบคุมบางพื้นที่ได้แล้ว
การยกระดับการโจมตีทางตะวันออกของยูเครนโดยรัสเซีย เกิดขึ้นหลังจากที่รัสเซียพ่ายแพ้ในสมรภูมิรอบกรุงเคียฟและเมืองทางตอนเหนือของยูเครน ซึ่งส่งผลให้มีกองกำลังของรัสเซียเสียชีวิตไปกว่าหลายหมื่นนาย ทั้งนี้ ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกประจำทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียแถลงยอมรับว่า รัสเซียได้รับความเสียหายจำนวนมาก แต่ไม่ระบุว่ากองกำลังของรัสเซียเสียชีวิตไปกี่นาย
อย่างไรก็ดี ทางการรัสเซียระบุถึงเหตุผลให้การถอนกำลังออกจากยูเครนทางตะวันออกและเหนือว่า ตนเองไปบรรลุปฏิบัติการในระยะแรก และจะมุ่งหน้าทุ่มสรรพกำลังของตนเองไปกับการ “ปลดแอก” ภูมิภาคดอนบาส ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของยูเครนแทน ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า รัสเซียพยายามยึดพื้นที่ดังกล่าวให้ได้ เพื่ออย่างน้อยจะได้เป็นรางวัลก้อนโตของตนเองจากการรุกรานประเทศเพื่อนบ้านอย่างยูเครนที่ล้มเหลวลงในระยะแรก
หากรัสเซียยึดดอนบาสจากยูเครนสำเร็จ จะส่งผลให้เป็นการช่วยปูทางให้รัสเซียเปิดระเบียงเชื่อมภูมิภาคดอนบาสของยูเครนเข้ากับไครเมีย ซึ่งรัสเซียทำการยึดไปจากยูเครนตั้งแต่ปี 2557 ทั้งนี้ สื่อของยูเครนรายงานตรงกันถึงเสียงระเบิดและกระสุนปืนจำนวนมากบริเวณดอนบาส ทั้งในพื้นที่โดเนตสค์ มาริสคา สลาฟยานสค์ และ ครามาทอรสค์
ในวันนี้ (19 เม.ย.) โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะทำการต่อสายตรงหาพันธมิตรเพื่อพูดคุยถึงวิกฤตยูเครน รวมถึงความร่วมมือกันเพื่อการลงโทษรัสเซียจากการรุกรานที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ อย่างไรก็ดี เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่เคยยืนยันว่าตนจะทำการเจรจากับปูตินและจะไม่กล่าวโจมตีประธานาธิบดีรัสเซียด้วยถ้อยคำที่รุนแรงว่า การพูดคุยระหว่างตนกับปูตินได้หยุดชะงักลงแล้ว หลังจากมีการเปิดเผยภาพการสังหารหมู่ในเมืองบูชาของยูเครนจากฝีมือของทหารรัสเซีย
โอเล็กซีย์ ดานิลอฟ ผู้บัญชาการระดับสูงของหน่วยความปลอดภัยยูเครนรายงานว่า กองทัพรัสเซียได้พยายามทำลายแนวป้องกันของยูเครนตลอดช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา ทั้งในพื้นที่โดเนตสค์ ลูฮันสค์ และคาร์คีฟ ทั้งนี้ กองทัพรัสเซียสามารถยึดเมืองเครมินนาทางตะวันออกของยูเครน ซึ่งมีประชากรอยู่ในเมืองกว่า 18,000 รายได้แล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้
รัสเซียเดินหน้าขนสรรพกำลังทั้งกำลังพลและอาวุธของตนเองอย่างเต็มขั้นเข้าทำสงครามในพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครนแล้ว และมีการคาดการณ์ว่ารัสเซียอาจเลือกใช้วิธีที่รุนแรง โหดร้าย และเด็ดขาดมากยิ่งขึ้นว่าเดิม หลังจากที่พวกตนได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดจากการทำสงครามในสมรภูมิรอบกรุงเคียฟและเมืองทางตอนเหนือของยูเครน
ทั้งนี้ ประธานาธิบดียูเครนยังคงเรียกร้องขอให้ชาติตะวันตกเร่งส่งความช่วยเหลือโดยเฉพาะอาวุธทางการทหารเข้ามายังยูเครน เพื่อใช้ในการป้องกันยูเครนจากการุกรานของรัสเซีย โดยเซเลนสกียืนยันมาตลอดว่า ยูเครนจะไม่ยอมเสียดินแดนของตนเองให้กับรัสเซียอย่างแน่นอน
ที่มา:
https://apnews.com/article/russia-ukraine-war-lviv-missile-strikes-536b8f0bb48ae21a6ee30991a5535ea3