ภาคประชาชน ประกอบไปด้วย 1. มูลนิธิผสานวัฒนธรรม 2. สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) 3. สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน4. มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา 5. คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) 6. ศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อสังคมนิยมประชาธิปไตย (YPD.) 7. สถาบันสังคมประชาธิปไตย 8. คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงประธานศาลฎีกาเรื่องความเป็นอิสระของผู้พิพากษากรณีการประกันตัว ถอนประกันและอนุญาตให้ถอนประกันผู้ต้องหานักกิจกรรมทางการเมือง เก็ท ใบปอ ตะวันและแบม
สืบเนื่องจากกรณีที่ผู้ต้องหาทางการเมือง ซึ่งขณะนี้มีถูกขังก่อนและในระหว่างพิจารณาคดีในชั้นศาล จำนวน 15 คน โดยศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวหรือประกันตัว บางคนถูกกักขังมาแล้ว 300 กว่าวัน บางกรณีได้รับการอนุญาตให้ประกันตัว แต่ต้องยอมรับเงื่อนไขติดอุปกรณ์ติดตามตาม หรือ Electronic Monitoring (EM) และบางคนถูกกำหนดเงื่อนไขห้ามออกจากบ้าน 24 ชั่วโมง และมีข้อกำหนดอื่นๆในการจำกัดสิทธิเสรีภาพอีกมากมาย
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุด มาตรา 29 วรรคสอง บัญญัติว่า “ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้” วรรคสาม บัญญัติว่า “การควบคุมหรือคุมขังผู้ต้องหาหรือจำเลยให้กระทำได้เพียงเท่าที่จำเป็น เพื่อป้องกันมิให้มีการหลบหนี” และวรรคท้าย บัญญัติว่า “คำขอประกันผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญาต้องได้รับการพิจารณาและจะเรียกหลักประกันจนเกินควรแก่กรณีมิได้...”
การกำหนดหลักประกันและเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อผู้ต้องหาทางการเมืองเหล่านี้ปฏิบัติ เพื่อให้ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวนั้น มีลักษณะที่ขัดกับหลักการที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างชัดแจ้ง พวกเขาไม่ได้มีพฤติกรรมที่จะหลบหนี ตรงกันข้ามพวกเขาแสดงออกอย่างเอาจริงเอาจังว่าพร้อมต่อสู้คดีอย่างเต็มที่เพื่อให้รัฐบาลเคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสรีภาพในความคิด ความเชื่อและการแสดงออก ในทางการเมือง ซึ่งเป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐานของสังคมประชาธิปไตย และพวกเขาต่อสู้เพื่อให้กระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะศาล เป็นสถาบันที่สามารถอำนวยความยุติธรรมและปกป้องสิทธิเสรีภาพดังกล่าวของประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรมและอย่างแท้จริง
แต่คำสั่งศาลในการควบคุมตัวผู้ต้องหรือจำเลยทางการเมืองดังกล่าว ก่อนการพิจารณาคดีหรือก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุด เป็นการออกคำสั่งเสมือนหนึ่งว่าพวกเขาเป็นผู้ที่ถูกตัดสินว่าเป็นผู้กระทำความผิดแล้ว ไม่เป็นคำสั่งที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานว่าพวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ อีกทั้งยังมีเงื่อนไขประกอบกันที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของพวกเขาอย่างร้ายแรงและขัดกับหลักความยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนด้วยนั่นคือ ห้ามพวกเขากระทำการหรือมีพฤติกรรมในลักษณะเดียวกับที่พนักงานอัยการกล่าวหา ซึ่งพนักงานอัยการในฐานะโจทก์ จะต้องพิสูจน์ต่อศาล จนปราศจากข้อสงสัยอันสมควรว่า เป็นผู้กระทำผิดจริงตามที่กล่าวหา
ในหลักของความยุติธรรมทางอาญา ผู้ต้องหาหรือจำเลยเหล่านั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ และพวกเขากำลังโต้แย้งข้อกล่าวหาของพนักงานอัยการอยู่ เพื่อให้ศาลพิจารณาตัดสินคดีของพวกเขาอย่างเที่ยงธรรม ปราศจากความลำเอียงและอคติ ด้วยความเป็นเมืออาชีพ และบนพื้นฐานของหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งรับรองไว้ในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ข้อบทที่ ๑๔ การพิจารณาคดีที่เป็นธรรม (Fair Trial) และรัฐธรรมนูญ
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังจำต้องยอมรับเงื่อนไขติดอุปกรณ์ติดตามตาม หรือ Electronic Monitoring (EM) และบางคนถูกกำหนดเงื่อนไขห้ามออกจากบ้าน ๒๔ ชั่วโมงและอื่นๆ เสมือนเป็นการขังตัวไว้ที่บ้าน (House Arrest) อีกด้วย การต่อสู้คัดค้านคำสั่งของผู้พิพากษาบางคน ที่พวกเขาเห็นว่าไม่ชอบธรรมตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม และการอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้นมักไม่ได้ผล
เมื่อการเรียกร้องสิทธิตามขั้นตอนในกระบวนการยุติธรรมที่มีอยู่หมดสิ้นหนทาง การจะให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีการเมืองเหล่านั้นยอมจำนนกับคำสั่งที่ตนเห็นว่าไม่เป็นธรรมนั้นเป็นสิ่งที่พวกเขารับไม่ได้ จึงแสดงออกถึงการไม่ยอมรับตามวิถีทางประชาธิปไตยกล่าวคือ เมื่อ 16 ม.ค. ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และ อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม นักกิจกรรมหญิงทั้ง 2 ราย ยื่นคำร้องขอถอนประกันตัวชั่วคราวของตนเอง
เพื่อประท้วงเรียกร้องต่อศาลให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาทางการเมือง รวมถึง ดังที่ปรากฏตามสื่อสังคมออนไลน์อยู่แล้วนั้น ข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ได้แก่ 1) การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม 2) ยุติการดำเนินคดีกับประชาชนที่ใช้สิทธิเสรีภาพทางการเมือง 3) เรียกร้องทุกพรรคการเมืองต้องเสนอนโยบายยกเลิกมาตรา 112 และข้อหายุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ขณะนี้นักกิจกรรมทั้งสองได้อดอาหารประท้วงตั้งแต่วันที่ 18 มค. 2566 จนมีสภาพร่างกายอิดโรยและถูกส่งตัวเข้ารับการดูแลที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์
ก่อนหน้านี้ วันที่ 14 มค. โสภณ สุรสิทธิ์ดำรง หรือเก็ท และ ณัฐนิจ ด้วงมุสิทธิ์ หรือใบปอ ได้ถูกคำสั่งของผู้พิพากษาท่านหนึ่งสั่งไต่สวนถอนประกันด้วยเหตุที่อ้างว่านักกิจกรรมสองรายนี้ปฏิบัติตนขัดเงื่อนไขการประกันคือ ออกไปร่วมกิจกรรมการชุมนุมในช่วงประชุมเอเปคที่ประเทศไทยจัดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 การไต่สวนดังกล่าวส่งผลให้ผู้พิพากษาท่านนั้นสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวอีกต่อไปกลายเป็นคำสั่งขังนักกิจกรรมทั้งสองคนอย่างไม่เป็นธรรมในสายตาของหลายฝ่าย
เมื่อการใช้อำนาจของผู้พิพากษบางคนที่ไม่เป็นธรรม การที่กระบวนการยุติธรรมและกฎหมายไทยมีข้อจำกัดหรือบิดเบือนไปทำให้ไม่สามารถตรวจสอบถ่วงดุลได้ ทั้งที่มีการใช้ดุลพินิจขัดต่อรัฐธรรมนูญและขัดกับกฎหมาย กลุ่มองค์กรที่มีรายชื่อข้างท้ายนี้ จึงขอให้ท่านในฐานะประธานของฝ่ายตุลาการดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เกี่ยวกับการปล่อยตัวชั่วคราว การกำหนดหลักประกันและเงื่อนไข การถอนการประกันตัว อย่างเร่งด่วน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนและประชาคมนานาชาติต่อฝ่ายตุลาการซึ่งเป็นเสาหลักของกระบวนการยุติธรรมไทย กลับมา
ฝ่ายตุลาการต้องสามารถมีบทบาทในการตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหาร คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน อำนวยความยุติธรรมซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและนำมาซึ่งสันติสุขและการพัฒนาที่ยั่งยืนของสังคม ได้อย่างแท้จริง ตามหลักการของสังคมประชาธิปไตยต่อไปจึงเรียนมาเพื่อโปรดตรวจสอบและแก้ไขคำสั่งเกี่ยวกับการปล่อยตัวชั่วคราวของผู้ต้องหาและจำเลยในคดีการเมืองดังกล่าวอย่างเร่งด่วน