กระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา เผยแพร่แถลงการณ์ลงวันที่ 4 ก.พ.2020 ระบุ กองทัพเรือของสหรัฐฯ ได้ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ W76-2 ประจำเรือดำน้ำโจมตี เพื่อพัฒนาศักยภาพทางการทหารและตอบโต้ปรปักษ์ พร้อมอ้างอิงข้อมูลในรายงานด้านนิวเคลียร์ของกระทรวงกลาโหมที่เผยแพร่เมื่อปี 2018 ที่บ่งชี้ว่า รัสเซียกำลังพัฒนาหัวรบนิวเคลียร์ขนาดเล็กอยู่เช่นกัน การที่สหรัฐฯ พัฒนาหัวรบนิวเคลียร์ใหม่จึงเป็นประโยชน์ต่อประเทศและพันธมิตร
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวบลูมเบิร์กและซีเอ็นเอ็น รายงานว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ 'ครั้งแรก' ในรอบหลายสิบปี ของกองทัพสหรัฐฯ เพราะสหรัฐฯ เคยติดเงื่อนไขในสนธิสัญญานิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียที่มีผลหลังสงครามเย็น
แต่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน ถอนตัวจากสนธิสัญญาดังกล่าวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือน ส.ค.2019 ที่ผ่านมา และอนุมัติให้กองทัพสหรัฐฯ สามารถพัฒนาหัวรบนิวเคลียร์ได้ใหม่ โดยรายงาน Nuclear Posture Review ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุด้วยว่าสหรัฐฯ ต้องแข่งขันด้านการเป็นชาติมหาอำนาจกับจีนและรัสเซีย
รายงานของซีเอ็นเอ็นระบุเพิ่มเติม รัฐบาลสหรัฐฯ อนุมัติงบประมาณกว่า 50 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,500 ล้านบาท) เพื่อพัฒนาหัวรบสำหรับติดตั้งกับขีปนาวุธทิ้งตัวติดเรือดำน้ำ (submarine-launched ballistic missile - SLBM) รวมเป็นระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2019 โดยระบุว่าหัวรบนิวเคลียร์ขนาดเล็กสามารถจำกัดยุทธศาสตร์การรบในระดับดีกว่าขีปนาวุธรุ่นเก่า
แม้ว่าการพัฒนาหัวรบนิวเคลียร์จะถูกคัดค้านอย่างหนักจาก ส.ส.พรรคฝ่ายค้านเดโมแครต แต่โครงการดังกล่าวก็ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ปรึกษาหารือและเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับหัวรบนิวเคลียร์แก่ประเทศสมาชิกแล้ว ทาง NATO จึงไม่ขัดข้องต่อโครงการดังกล่าวของสหรัฐฯ
ขณะที่บลูมเบิร์กรายงานอ้างอิงคำแถลงของ 'แม็ก ธอร์นแบร์รี' ส.ส.พรรครัฐบาลรีพับลิกันของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นกรรมาธิการด้านอาวุธประจำรัฐสภา ระบุว่า การพัฒนาหัวรบนิวเคลียร์มีขึ้นเพื่อตอบโต้ 'ปรปักษ์' ของสหรัฐฯ พร้อมระบุชื่อ 'รัสเซีย' โดยกล่าวย้ำว่า สหรัฐฯ ต้องมีอาวุธยุทโธปกรณ์เชิงรุกที่สามารถรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายได้ด้วย
ส่วนรอยเตอร์สเผยแพร่ข้อมูลอ้างอิงสมาพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกัน ซึ่งระบุว่า เรือดำน้ำสหรัฐฯ ที่ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ใหม่ล่าสุด คือ เรือรบ USS Tennessee เรือรบชั้นโอไฮโอที่เป็นเรือดำน้ำโจมตี ประจำการอยู่ที่มหาสมุทรแอตแลนติก
ขณะเดียวกัน เดอะวอชิงตันโพสต์ รายงานว่า รัสเซียเคยแถลงปฏิเสธข้อมูลของสหรัฐฯ มาก่อน โดยยืนยันว่ารัสเซียไม่คิดแสวงหาหรือพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ถ้าไม่เผชิญกับการยั่วยุก่อน
ทั้งนี้ หัวรบนิวเคลียร์ใหม่ W76-2 ของสหรัฐฯ พัฒนาจากหัวรบรุ่น W76 ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวรบประมาณ 1,371 ลูกที่สหรัฐฯ ครอบครองอยู่ในปัจจุบัน แต่ถือว่าลดลงไปมากจากจำนวนหัวรบกว่า 12,000 ลูกที่สหรัฯ เคยครอบครองในยุคสงครามเย็น แต่หลังจากสหรัฐฯ และรัสเซียถอนตัวจากสนธิสัญญานิวเคลียร์ อาจทำให้สหรัฐฯ ผลิตหัวรบเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ แต่สหรัฐฯ ยืนยันวา หัวรบนิวเคลียร์ W76-2 มีขนาดต่ำกว่า 15 เมกะตัน ซึ่งเล็กกว่าขีปนาวุธสหรัฐฯ ที่เคยใช้ถล่มเมืองฮิโรชิมะและนางาซากิของญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ที่มา: Bloomberg/ CNN/ Reuters/ Washington Post
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: