นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ อดีตที่ปรึกษานางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ไม่ประหลาดใจที่นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหรือ ดีอี ปฏิเสธมาชี้แจงต่อคณะ กมธ.ดีอี กรณีสินบน 40 ล้านบาทที่พูดกลางประชุมสภา ดังนั้น การที่นายไชยชนก เลือกที่จะหนีไม่ยอมรับการตรวจสอบจากคณะกมธ.ดีอี ที่เชิญมาชี้แจง อาจจะมาจากไม่รู้จะตอบอย่างไรหรือเกรงว่าหากตอบไปอาจกระทบกับคนใกล้ตัว เพราะนายไชยชนก พูดเองว่าคนที่มาติดต่อเป็นเพื่อนสมาชิกในพรรคการเมือง ดังนั้นจากการกระทำของนายไชยชนก หลายฝ่ายกังขาว่า การแก้ปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์อาจจะไม่ประสบผลสำเร็จเหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา
นายสงคราม กล่าวด้วยว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าอาชญากรรมทางไซเบอร์สร้างความเสียหายให้กับประชาชนคนไทยคิดเป็นมูลค่าหลักหมื่นล้านบาท 2 ปีที่ผ่านมาศูนย์ต่อต้านอาชญากรรมออนไลน์ 1441 ของประเทศไทย หรือ เอโอซี พบว่าความเสียหายที่กลุ่มคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงคนไทย อยู่ที่เดือนละ 1,000 ล้านบาท หรือ ปีละ 12,000 ล้านบาท หากรัฐบาลไม่มีนโยบายในการปราบปรามที่เข้มข้นหรือไม่ชัดเจน ประชาชนหวั่นใจว่าอาชญากรรมเหล่านี้กลับมาสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจไทยอีกครั้งอย่างแน่นอน
“ภายหลังเข้ามาบริหารประเทศ พฤติกรรมรัฐบาลส้มอุ้มที่อ้างว่าจะไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมนั้น คำพูดต่างจากการกระทำโดยสิ้นเชิง เห็นได้จากความพยายามตัดตอนคดีเขากระโดง-ฮั้วสว. เพราะคำสั่งแรกของ พล.ต.ท. รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม คือ การโยกย้ายข้าราชการในกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ที่กำลังทำคดีสำคัญที่เกี่ยวพันกับคนโตบุรีรัมย์ มานั่งตบยุงหน้าห้องรัฐมนตรี จึงเป็นการตัดตอนการสืบหาความจริงในคดีสำคัญ นอกจากนี้ยังสามารถยึดอำนาจเบ็ดเสร็จเพราะส่งคนของตนเองเข้ามาควบคุมอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี - รัฐมนตรีหลายกระทรวง ดังนั้นกรณีที่อ้างว่าจะไม่แทรกแซงคดีเขากระโดง-ฮั้วสว.จึงไม่เป็นจริง คำว่าความยุติธรรมต้องไม่ถูกทำลายคือคำพูดที่ติดปากเท่านั้น เพราะความจริงที่เกิดขึ้นมันย้อนแย้งกับคำพูดของผู้นำรัฐบาลอย่างสิ้นเชิง” นายสงคราม กล่าว