การเลือกตั้งที่กำลังเกิดขึ้นคือการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นโดยจะครอบคลุมถึงการเลือกนายกเทศมนตรีประจำเมืองต่างๆ ไปจนถึงหัวหน้าเขต และสมาชิกสภาท้องถิ่นของไต้หวัน ก่อนที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกรัฐสภาของไต้หวันจะเกิดขึ้นในปี 2567
แม้จะเป็นการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นแต่ ไล่อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวันรวมถึงประชาคมโลกกลับมองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญมากยิ่งกว่านั้นเนื่องจากว่าไต้หวันได้กลายมาเป็นหนึ่งในจุดศูนย์กลางของความตรึงเครียดทางความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ และจีน
ในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฏรของสหรัฐฯ ได้เดินทางเยือนไต้หวัน เสมือนเป็นการส่งสัญญาณไปยังจีนว่าสหรัฐฯ พร้อมยืนเคียงข้างไต้หวันในการปกป้องอำนาจอธิปไตยของตน
จีนได้แสดงความไม่พอใจในทันทีด้วยการเริ่มซ้อมรบทางการทหารในพื้นที่เขตน่านน้ำใกล้กับไต้หวัน แม้เวลาจะผ่านไปหลายเดือนแต่การซ้อมรบดังกล่าวยังคงดำเนินอยู่โดยมีขนาดที่เล็กลง
นอกจากความสำคัญของการเลือกตั้งในครั้งนี้แล้วอีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในไต้หวันจะมาจากการลงประชามติที่เกิดขึ้นในวันนี้ด้วย
การลงประชามติจะเป็นการตัดสินใจว่าไต้หวันจะอนุญาตให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปสามารถเข้าคูหาใช้สิทธิ์ของพวกเขาได้หรือไม่ เพราะปัจจุบันชาวไต้หวันต้องมีอายุมากกว่า 20 ปีบริบูรณ์จึงจะสามารถเลือกตั้งได้ตามกฏหมาย
เหตุเนื่องมาจากในปัจจุบันนี้คนรุ่นใหม่ของไต้หวันมีความกระตือรือร้นต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้นอย่างมาก เห็นได้จากจำนวนผู้ออกมาเลือกตั้งเมื่อปี 2563 ที่มากเป็นประวัติการณ์
คนรุ่นใหม่ในไต้หวันให้สัมภาษณ์กับ BBC ระบุว่า พวกเขามีความกระตือรือร้นทางการเมืองมากขึ้น เพราะ “การคุกคามจากจีน” ซึ่งประเด็นนี้ได้กลายมาเป็นบทสนทนาทางการเมืองที่สำคัญที่สุดในช่วงชีวิตของพวกเขา