ไม่พบผลการค้นหา
ธนารักษ์ทำข้อตกลง ธ.ออมสิน-ธอส. เปิดแผนเงินกู้โครงการ 'บ้านคนไทยประชารัฐ' ที่ดินราชพัสดุ 5 แปลง 5 จังหวัด ราคา 3.5-7 แสนบาทต่อหน่วย ผู้ประกอบการกู้ดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 3 นาน 3 ปี รายย่อยกู้ร้อยละ 2.75 นาน 4 ปี ให้สิทธิผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อน

นางศุกร์ศิริ บุญญเศรษฐ์ รองอธิบดีด้านที่ราชพัสดุ กรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2561 เห็นชอบกรอบการดำเนินโครงการ 'บ้านคนไทยประชารัฐ' และให้กระทรวงการคลังดำเนินการ โดยกรมธนารักษ์คัดเลือกที่ราชพัสดุที่มีศักยภาพและเหมาะสมทำโครงการนำร่อง ในพื้นที่ 8 แปลง ครอบคลุม 4 ภาค ได้แก่ ที่ราชพัสดุในจังหวัดชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ขอนแก่น อุดรธานี และนครพนม 

ปัจจุบัน กรมธนารักษ์ ได้ดำเนินการเปิดประมูลหาผู้ลงทุนก่อสร้างและบริหารโครงการที่อยู่อาศัยตามนโยบายรัฐบาล ภายใต้ชื่อโครงการ 'บ้านคนไทยประชารัฐ' และมีผู้ได้รับสิทธิการพัฒนาที่ราชพัสดุพร้อมทั้งจัดทำสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุ (เช่า 30 ปี) เรียบร้อยแล้ว 5 พื้นที่ และเปิดจองโครงการแล้ว 4 พื้นที่ ได้แก่ ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ เชียงราย โดยมีผู้จองสิทธิ 2,249 ราย หรือร้อยละ 98 ของจำนวนยูนิตทั้งหมดที่มีอยู่ 2,302 หน่วย

โดยปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างแล้ว 1 แห่ง บนที่ราชพัสดุในพื้นที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ ส่วนในปีงบประมาณ พ.ศ.2562 ได้ดำเนินการเปิดประมูลเพื่อหาข้อมูลให้ผู้ลงทุนในพื้นที่ จ.นครพนม ซึ่งเป็นที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ นพ.1347 ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม เนื้อที่ 29 ไร่ 2 งาน 29.9 ตารางวา และมีกำหนดยื่นซองประมูลในวันที่ 25 มิ.ย. นี้ 

นอกจากนี้ กรมธนารักษ์ยังมีแผนคัดเลือกที่ราชพัสดุ เพื่อดำเนินโครงการ 'บ้านคนไทยประชารัฐ' ระยะที่ 2 (เฟส 2) ในปีนี้อีก 8 จังหวัด รวมทั้งในกรุงเทพฯ ด้วย 

"เฟส 2 จะมีที่ราชพัสดุในกรุงเทพฯ ด้วย เป็นที่ดินย่านถนนเชื้อเพลิง ช่องนนทรี ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 2 ไร่กว่าๆ จะให้ทำเป็นที่พักอาศัยแนวสูง อย่างไรก็ตาม อันดับแรก กรมฯ ต้องทำ market sounding (รับฟังความคิดของภาคธุรกิจ) ก่อน เมื่อทำเรียบร้อยแล้ว จึงจะเปิดให้เอกชนเข้ามาประมูลพัฒนาพื้นที่" นางศุกร์ศิริ กล่าว


5 แปลง 5 จังหวัด มูลค่าโครงการร่วม 1,461 ล้านบาท

ทั้งนี้ ที่ราชพัสดุที่มีเอกชนจัดทำสัญญาเช่าที่ดินพัฒนาพื้นที่สำหรับทำโครงการ 'บ้านคนไทยประชารัฐ' เรียบร้อยแล้ว 5 พื้นที่ ได้แก่ 

  • ที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ชบ.633 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เนื้อที่ 10 ไร่ ราคาที่ดินตารางวาละ 7,500 บาท มูลค่าที่ดินทั้งแปลง 30 ล้านบาท มีบริษัท ฟอร์ คอน จำกัด เป็นผู้ได้รับสิทธิพัฒนาที่ดิน มูลค่าโครงการกว่า 175 ล้านบาท โดยจะมีการพัฒนาพื้นที่เป็นอาคารสำหรับพักอาศัย 2 ชั้น 252 ยูนิต พร้อมทำพื้นที่เชิงพาณิชย์ เป็นศูนย์การค้าภายในชุมชน (คอมมูนิตี้ มอลล์) มินิมาร์ท และลานกิจกรรม


  • ที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ปข.573 ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เนื้อที่ 6 ไร่ 3 งาน 1ตารางวา ราคาที่ดินตารางวาละ 875 บาท มูลค่าที่ดินทั้งแปลง 2.36 ล้านบาท มีบริษัท ประจวบแกรนด์ โฮเต็ล จำกัด เป็นผู้ได้รับสิทธิพัฒนาที่ดิน มูลค่าโครงการกว่า 126 ล้านบาท โดยจะมีการพัฒนาเป็นอาคารที่พักอาศัย4 ชั้น 2 หลัง 90 ยูนิต และอาคารที่พักอาศัย 5 ชั้น 2 หลัง 120 ยูนิต พร้อมพื้นที่เชิงพาณิชย์สำหรับทำตลาดชุมชนชั้นเดียว 106 แผง


  • ที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ชม.1745 ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ เนื้อที่ 15 ไร่ 96 ตารางวา ราคาที่ดินตารางวาละ 6,000 บาท มูลค่าที่ดินทั้งแปลง 36.5 ล้านบาท มีกิจการร่วมค้า บริษัท เชียงใหม่รายวัน จำกัด และบริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) ได้รับสิทธิพัฒนาที่ดิน มูลค่าโครงการกว่า 755 ล้านบาท เพื่อพัฒนาเป็นอาคารที่พักอาศัยรวม 8 ชั้น จำนวน 7 หลัง (1,170 ยูนิต) พร้อมพื้นที่พาณิชย์ เป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น 2 หลัง 10 คูหา  


  • ที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ชร.359 ต.เวียง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เนื้อที่ 3 ไร่ 3 งาน 86 ตารางวา ราคาที่ดินตารางวาละ 1,850 บาท มูลค่าที่ดินทั้งแปลง 2.94 ล้านบาท มีบริษัท ฟอร์ คอน จำกัด ได้รับสิทธิพัฒนาพื้นที่ มูลค่าโครงการกว่า 259 ล้านบาท เพื่อทำเป็นอาคารที่พักอาศัย 8 ชั้น จำนวน 2 หลัง รวม 374 ยูนิต ส่วนพื้นที่เชิงพาณิชย์ เป็นอาคาร 3 ชั้น โดยชั้นล่างเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ 10 ห้อง ส่วนชั้นที่ 2-3 เป็นอาคารพักแรม (โฮสเทล) จำนวน 20 ห้อง  


  • ที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ขก.452 ต.ดอนหัน อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น เนื้อที่ 40 ไร่ 2 งาน 2 ตารางวา ราคาที่ดินตารางวาละ 225 บาท มูลค่าที่ดินทั้งแปลง 3.64 ล้านบาท มีบริษัท ฟอร์ คอน จำกัด เป็นผู้ได้รับสิทธิพัฒนาพื้นที่ มูลค่าโครงการกว่า 146 ล้านบาท สำหรับทำเป็นอาคารที่พักอาศัย แบบบ้านชั้นเดียว และบ้านแฝดชั้นเดียว รวม 296 ห้อง พร้อมกับพื้นที่เชิงพาณิชย์ สำหรับทำเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น 1 หลัง 21 ห้อง 
บ้านคนไทย-ธนาคาร-สินเชื่อ-ธอส-ออมสิน-ธนารักษ์


2 แบงก์รัฐปล่อยสินเชื่อวงเงิน 4 พันล้าน

สำหรับโครงการนี้ มีกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับสิทธิจองทั้งสำหรับพักอาศัยและพื้นที่เชิงพาณิชย์ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.ประชาชนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2.ประชาชนที่มีรายได้ไม่เกินเดือนละ 35,000 บาท และ 3.ประชาชนทั่วไป โดยจะพิจารณาให้สิทธิกับกลุ่มที่ 1 เป็นอันดับแรก และเป็นการผ่อนชำระสู่การเช่าระยะยาว (rent to lease) โดยกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยเป็นของผู้ได้รับสิทธิอยู่อาศัย และผู้ได้รับสิทธิพัฒนาโครงการ 

อย่างไรก็ตาม ที่อยู่อาศัยในโครงการจะมีระดับราคาตั้งแต่ 350,000-700,000 บาทต่อหน่วย โดยมีธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารออมสินสนัลสนุนวงเงินสินเชื่อสำหรับการดำเนินโครงการในกรอบวงเงินทั้งสิ้น 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็น

  • สินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการ (Pre Finance) ธอส. และออมสิน กำหนดให้อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนปีที่ 1-3 ร้อยละ 3 ต่อปี หลังจากนั้น MLR - ไม่เกิน ร้อยละ 1 ต่อปี ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 5 ปี เพื่อสนับสนุนสินเชื่อให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมพัฒนาโครงการ


  • สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Post Finance) กำหนดอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนปีที่ 1-4 ร้อยละ 2.75 ต่อปี หลังจากนั้น กรณีรายย่อย MRR-ร้อยละ 0.75 ต่อปี หรือ กรณีสวัสดิการหักเงินเดือน MRR- ร้อยละ 1 ต่อปี ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 30 ปี โดยมีวงเงินสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยบนที่ดินราชพัสดุในระดับ 350,000-700,000 บาทต่อหน่วย

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า โครงการนี้จะเป็นการให้สินเชื่อกับผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นอันดับแรก และต่อมาคือผู้ที่มีรายได้ไม่เกินเดือนละ 35,000 บาท ส่วนประชาชนทั่วไปจะเป็นอันดับสุดท้าย ในกรณีที่ยังมีวงเงินสินเชื่อเหลืออยู่ โดยสินเชื่อที่ปล่อยออกไปจะให้ทั้งสำหรับผู้พัฒนาที่ดิน และผู้อยู่อาศัย

"ถ้าบ้าน 7 แสนบาท ก็จะมีค่าผ่อนเดือนละ 3,300 บาท ส่วนบ้านราคา 3.5 แสนบาท ก็จะมีค่าผ่อนเดือนละ 1,700 บาท เราจัดให้ยอดผ่อนไม่มาก เพราะอยากให้คนไทยมีบ้าน" นายชาติชาย กล่าว

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าวว่า สินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรนที่ทั้งสองแบงก์ออกมาสำหรับโครงการนี้ เป็นการผ่อนปรนจากข้อกำหนดอัตราส่วน DSR (Debt Service Ratio) หรืออัตราส่วนการชำระหนี้ต่อรายได้ต่อเดือนของผู้กู้ เพื่อช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยมีโอกาสได้รับเงินกู้ที่เหมาะสม โดยประชาชนที่ได้สิทธิเข้าร่วมโครงการสามารถติดต่อขอยื่นคำขอกู้และทำนิติธรรมกับธนาคารได้ตั้งแต่บัดนี้ถึง 2 ม.ค. 2566

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :