นายพานทองแท้ ชินวัตร ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าว ส.ส.พรรคเพื่อไทย จำนวน 14 คน นัดทานข้าวกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจและนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคพลังประชารัฐ เพื่อเตรียมย้ายขั้วไปอยู่ฝั่งรัฐบาลว่า ที่ผ่านมาตนเองไม่ค่อยสนใจข่าวการเมืองพราะต้องเอาเวลามาอ่านเอกสารคดีของตนเอง ที่มีจำนานมากเพราะคดีมีระยะเวลานานกว่า 10 ปี และตนเองก็ไม่เคยได้เข้าพรรคเพื่อไทยเลย ส่วนใหญ่จะอยู่บ้านอ่านหนังสือ เพราะเอกสารเยอะ แต่เมื่อถามย้ำว่า หาก ส.ส.ทั้ง 14 คนจะไปร่วมอุดมการณ์กับ พลังประชารัฐจริงๆเห็นว่าด้วยสามัญสำนึกก็ไม่ควรทำอยู่แล้ว แต่ถ้าเขามีเหตุจำเป็นบางอย่างที่ต้องทำตนเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเพราะบางคนอาจโดนเรื่องอะไรมาหรือไม่ แต่ตามมารยาทและกติกาการเมืองแล้วเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ
ส่วนที่มีกระแสข่าวกระทบกับภาพลักษณ์ของพรรคเพื่อไทยตลอดเวลาตั้งแต่พรรคเพื่อไทยได้ปรับโครงสร้างองค์กร มีผู้นำพรรคคนใหม่ ก็ยิ่งมีภาพและข่าวของความขัดแย้งออกมา โดยเฉพาะข่าว ส.ส.จะย้ายพรรคอยู่เรื่อยมา และทุกๆครั้งทีมีข่าวออกไปตนเองอยากให้สื่อมวลชนสอบถามข้อเท็จจริงจากตนเองและคนในพรรคก่อน แล้วค่อยนำเสนอข่าวอยากให้กลั่นกรองข่าว เพราะพวกนี้อาจจะโยนหินถามทางหรือเปล่าตนก็ไม่แน่ใจ
ด้านนายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิป ฝ่ายค้าน และ ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าว ส.ส. พรรคเพื่อไทยจะย้ายขั้วไปร่วมกับรัฐบาลนั้น นายสุทิน กล่าวว่า จากการตรวจสอบมีทั้งการนัดทานข้าวพูดคุยเป็นการส่วนตัว และฝ่ายรัฐบาลมีการเจรจาที่อยากให้ฝ่ายค้านไปอยู่กับฝ่ายรัฐบาลจริง และมีการเสนอเงื่อนไขจริง แต่มองว่าการตัดสินใจที่จะไปร่วมนั้นยังห่างไกลจากความเป็นจริง ส่วนการชวนให้ ส.ส. ฝ่ายค้านยกมือโหวตให้รัฐบาลก็มองว่าเป็นเรื่องยาก เพราะประชาชนติดตามการทำหน้าที่อย่างใกล้ชิด ซึ่งจะทำอะไรต้องคิดหนัก แต่ยืนยันว่า ส.ส. ของพรรค รวมถึง 7 พรรคฝ่ายค้านทุกคนยังเป็นเอกภาพ แต่หากจะมีการย้ายฝ่ายจริง ก็ต้องคิดให้ไกล แต่เชื่อว่าท้ายที่สุดแล้ว ส.ส. เหล่านั้นจะกลัวประชาชน
นายสุทิน ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาประหารชีวิต นายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส. ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย จะกระทบกับการทำงานของพรรคหรือไม่ ว่า ตนเองทราบข่าวว่าเป็นศาลชั้นต้น ที่คาดว่าจะมีการยื่นอุทธรณ์ เพราะถ้าใช้สิทธิการยื่นอุทธรณ์ จะถือว่าคดีนี้ยังไม่ถึงที่สุด ซึ่งยังทำหน้าที่ ส.ส. ได้ตามปกติ แต่การทำงานในมิติอื่นอาจกระทบบ้าง ซึ่งเรื่องนี้พรรคมีการเตรียมการรองรับแล้ว
ส่วนในช่วงนี้เป็นช่วงปิดสมัยการประชุมรัฐสภาจะส่งผลกระทบต่อการขอใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองหรือไม่นั้น นายชูศักดิ์ ศิรินิล ที่ปรึกษาด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายนวัธ มีสิทธิ์ในฐานะจำเลยที่จะขอยื่นอุทธรณ์ตามกฎหมายต่อไปได้ และแม้จะไม่มีการประกันตัว แต่ถ้ามีการดำเนินการดังกล่าว มองว่ายังไม่ขาดความเป็น ส.ส. เพราะคดียังไม่ถึงที่สุด และจะมีผลทางกฎหมายได้ก็ต่อเมื่อต้องรอให้คดีถึงที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :