วันที่ 13 มิ.ย. นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่และแกนนำคณะก้าวหน้า ระบุถึงนายสำลี รักสุทธี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นอดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ฟ้องเอาผิดประชาชน พร้อมเรียกค่าเสียหาย หลังถูกวิพากษ์วิจารย์เรื่องการย้ายพรรคเพื่อผลประโยชน์ โดยระบุผ่านเฟซบุ๊กว่า
วันนี้ผมได้รับแจ้งข่าวจากพี่น้องประชาชนว่า นายสำลี รักสุทธี บุคคลที่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ เพราะ #พรรคอนาคตใหม่ หลังจากนั้นเมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูก 7 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค ก็ได้ย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย กำลังไล่ฟ้องดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาททางอาญาและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กับพี่น้องประชาชนคนธรรมดา และอดีตผู้สมัคร ส.ส. เพื่อนร่วมพรรคอนาคตใหม่ จากการวิพากษ์วิจารณ์และเปิดเผยหลักฐานกรณีผลประโยชน์ต่างๆ และการย้ายพรรคอย่างกะทันหันของ นายสำลี รักสุทธี
ล่าสุด นิตยา รักษาภัย คุณป้าชาวจังหวัดมหาสารคาม อายุ 68 ปี ทำอาชีพรับจ้าง ถูก นายสำลี รักสุทธี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคภูมิใจไทย ฟ้องดำเนินคดีหมิ่นประมาททางอาญา และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พร้อมเรียกค่าเสียหายจำนวน 2,000,000 บาท โดยกล่าวหาว่าคุณป้านิตยาเขียนคอมเมนต์หมิ่นประมาทนายสำลี รักสุทธี จากกรณีการย้ายพรรค
นายสำลี รักสุทธี ยังฟ้อง นายอดิศักดิ์ สมบัติคำ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ จังหวัดมหาสารคาม เขต 3 ด้วยความผิดฐานหมิ่นประมาททางอาญาและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการเปิดเผยคลิปเสียงบทสนทนากับ นายสำลี รักสุทธี ซึ่งพูดถึงการย้ายพรรคไปอยู่กับพรรคร่วมรัฐบาลหลังพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบได้ไม่นาน โดยเรียกค่าเสียหายจำนวน 2,000,000 บาท เช่นกัน
นอกจากนี้ นายยุทธเดช ศรีพรหมทัต อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ จังหวัดสกลนคร เขต 6 ก็ได้รับข้อความจากเฟสบุ๊คของ นายสำลี รักสุทธี เชิงข่มขู่ว่ากำลังดำเนินการฟ้องคดีความหลายๆ คน อีกด้วย
ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการใช้กระบวนการทางกฎหมายกลั่นแกล้งผู้อื่น การฟ้องคดีความลักษณะนี้มีลักษณะเป็น “การฟ้องคดีปิดปาก” คือเป็นการดําเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อปิดกั้นการมีส่วนร่วมในทางการเมืองหรือในทางสาธารณะ (SLAPP - Strategic Lawsuit against Public Participation) สร้างภาระความยุ่งยาก ทั้งภาระทางด้านเวลาและค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีกับผู้วิพากษ์วิจารณ์ เพื่อให้เกิดความหวาดกลัวในการแสดงออก จนเลิกแสดงความคิดเห็น ไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์หรือเปิดเผยข้อมูลอะไรกันได้เลย
การกระทำลักษณะนี้เป็นภัยคุกคามอย่างยิ่งต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นซึ่งเป็นเรื่องสำคัญและต้องได้รับการคุ้มครองในระบอบประชาธิปไตย ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่ไล่ฟ้องดำเนินคดีกับประชาชน คือ ผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
นายสำลี รักสุทธี ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชี่อ เพราะคะแนนเสียงทุกคะแนนจากพี่น้องประชาชนที่ตั้งใจกาให้พรรคอนาคตใหม่เข้าไปทำงานในสภา และจากนำ้พักน้ำแรงความร่วมมือร่วมใจกันของทั้งหัวหน้าพรรค กรรมการบริหาร คณะทำงาน เจ้าหน้าที่ ทีมผู้ช่วยหาเสียง และอดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ แบบแบ่งเขต ที่แม้ว่าจะไม่ได้รับการเลือกตั้ง แต่คะแนนทุกคะแนนก็ถูกนำไปคำนวณให้ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรควรต้องทำตนให้สมกับเป็น “ผู้แทน” ของ “ราษฎร” ที่พี่น้องประชาชนมอบอำนาจอธิปไตยสูงสุดเลือกตั้งมาให้ทำหน้าที่ แต่เหตุใดกลับมาไล่ฟ้องคดีต่อพี่น้องประชาชนเสียเอง?
ผมเคยให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้แล้วว่า ปัจจุบันนี้มีคดีความเกิดขึ้นทุกวัน นักการเมืองหรือบุคคลทั่วไปก็นำกฏหมายหมิ่นประมาทมาใช้กันจนเฝือไปหมด ไม่ยอมให้ใครตรวจสอบ นักการเมืองที่ดีควรทำงานเพื่อผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน การฟ้องกันไปมา มิหน้ำซ้ำยังมาฟ้องพี่น้องประชาชนอีก สุดท้ายแล้วผลประโยชน์ของประชาชนอยู่ตรงไหนกันแน่ ?
ขณะนี้ผมได้รับทราบเรื่องการฟ้องคดีความโดยอดีต ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ที่ย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย รวม 2 คดีด้วยกัน หากพี่น้องประชาชนท่านใดถูกแจ้งความลักษณะนี้ สามารถส่งอีเมลเข้ามาแจ้งได้ที่ [email protected] โดยทางผมและ คณะก้าวหน้า - Progressive Movement จะประสานกับองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายต่อไป