อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในการจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 ที่กำลังจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในต้นเดือนมิถุนายนนี้ โดยคาดว่าสำนักงบประมาณจะส่งร่างคำขอจัดทำงบประมาณของกระทรวงต่าง ๆ เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 ซึ่งงบประมาณปี 2566 จะมีวงเงินรวม 3,185,000 ล้านบาท เพิ่มจากงบประมาณปี 2665 เกือบ 85,000 ล้านบาท แต่ดูเหมือนว่าภายใต้การบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี การจัดสรรงบฯ จะยังคงฉายหนังวนซ้ำ คือ จัดงบแบบไม่ได้มุ่งเน้นประสิทธิภาพให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน เพราะอิงกับความเคยชินในการจัดทำงบประมาณในโครงการเดิมของปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ ปี 2566 ลดลงถึง 4,526 ล้านบาท หรือลดลง 1.37% เมื่อเทียบกับปีก่อน แม้ในช่วงปี 2563-2566 จะมีการปรับลดงบฯ กลาโหม ลงในภาพรวม เพราะเกิดกระแสต่อต้านจากประชาชน เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่เมื่อพิจารณาในรายละเอียดแต่ละกองทัพกลับพบว่า กองทัพอากาศยังคงได้รับการอนุมัติงบฯ ซื้อเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่จำนวน 4 ลำ วงเงินกว่า 13,800 ล้านบาท โดยเป็นงบผูกพันงบประมาณปี 2566-2569 ยิ่งตอกย้ำว่า “อาวุธสำคัญมากกว่าอนาคตของเด็กไทย”
อรุณี กล่าวต่ออีกว่า ตั้งแต่ปี 2559 ถึงปี 2566 ถึงแม้กระทรวงศึกษาธิการจะถูกจัดสรรงบประมาณเป็นอันดับ 1 แต่งบประมาณส่วนใหญ่เป็นรายจ่ายประจำของข้าราชการ ยิ่งเมื่อพิจารณาในภาพรวมงบประมาณกระทรวงศึกษาธิการ กลับถูกปรับลดลงทุกปีอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน เศรษฐกิจตกต่ำ หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง สินค้าขึ้นราคา ผู้ปกครองแบกรับภาระค่าใช้จ่ายจากการเรียนออนไลน์แทบไม่ไหว และปัญหาต่างๆ ตามมาอีกมากมาย แต่ พล.อ.ประยุทธ์ กลับไม่เคยให้ความสำคัญกับการศึกษา อนาคตเด็กไทยไม่ได้รับเหลียวแล
“เมื่อไหร่ พล.อ.ประยุทธ์จะเข้าใจ ว่าการสร้างชาติที่แข็งแกร่ง คือการสร้างอนาคตทางการศึกษา โลกในอนาคต มนุษย์จะต่อสู้กันด้วยปัญญาของมนุษย์ และเทคโนโลยี ถ้ายังบริหารประเทศแบบนี้ งบประมาณก็จะมีแต่จะเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่เทคโนโลยีด้านอาวุธก็เปลี่ยนแปลงรวดเร็วใช่หรือไม่ ลงทุนพัฒนาเด็กไทยดีกว่า เพราะประเทศไทยตกยุค และล้าสมัยมากพอแล้วกับนายกรัฐมนตรีที่ชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชา” อรุณี กล่าว.