ไม่พบผลการค้นหา
ทนายความนักข่าวภาคสนามประชาไท ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังถูกยิงจากกระสุนยาง พร้อมเรียกร้องให้คุ้มครองเสรีภาพผู้ชุมนุม

จันทร์จิรา จันทร์แผ้ว ทนายความจากภาคีนักกฏหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่าวันนี้มายื่นฟ้องคดีความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่จากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจากการชุมนุม เมื่อวันที่ 20 มี.ค. เพราะวันนั้นโจทก์คือ ศรายุทธ ตั้งประเสริฐ ผู้สื่อข่าวภาคสนามสำนักข่าวประชาไท ได้รับผลกระทบจากการใช้ความรุนแรง จากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน 

จึงเดินทางมาฟ้องต่อศาล เพื่อขอให้มีการคุ้มครองชั่วคราว และให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน เนื่องจากในวันนี้ (24 มี.ค.) ที่มีการนัดชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ โจทก์ยังคงต้องลงไปปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้สื่อข่าวภาคสนาม รวมทั้งสื่อมวลชนคนอื่น ดังนั้นจึงเห็นว่าหากเจ้าพนักงานตำรวจหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เป็นผู้บังคับบัญชาไม่ได้มีการกำชับหรือสั่งการให้ปฏิบัติต่อนักข่าว รวมถึงผู้ร่วมชุมนุมโดยไม่ใช้ความรุนแรง จะส่งผลให้เกิดภาพความรุนแรงขึ้นซ้ำได้ 


คุ้มครองเสรีภาพในการชุมนุม

อย่างไรก็ตามทนายจันทร์จิรา ตั้งข้อสังเกตว่า ก่อนหน้านี้ความรุนแรงจากเจ้าหน้าที่จะมีมากขึ้นตามลำดับ เช่น การเข้าควบคุมตัวด้วยความรุนแรง หรือแม้กระทั่งการใช้กำลังเข้าทำร้ายซึ่งบางราย ก็ถูกทำร้ายแม้จะถูกควบคุมตัวแล้ว โดยไม่มีการแยกแยะว่าเป็นฝ่ายใด และการชุมนุมที่จะมีขึ้นวันนี้ขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว

นักข่าว03.jpg
  • ทนายจันทร์จิรา

เพื่อให้ผู้สื่อข่าวปฏิบัติหน้าที่ได้โดยไม่ถูกข่มขู่คุกคาม และไม่ถูกกักกันจากพื้นที่ปฏิบัติงาน ในส่วนผู้ชุมนุมก็มีการขอคุ้มครองชั่วคราวด้วย เพราะหากเจ้าหน้าที่ใช้กำลังกับชุมนุม หรือทุกคนที่อยู่ในพื้นที่โดยไม่แยกแยะ จะกระทบต่อนักข่าวด้วย โดยขอให้เป็นไปตามกฎการใช้กำลังเข้าควบคุมฝูงชนของเจ้าหน้าที่ เจาะจงเฉพาะผู้ก่อความวุ่นวาย เพือคุ้มครองเสรีภาพในการชุมนุมของผู้อื่น

ทนายจันทร์จิรา เผยว่า โจทก์ในคดีหลังถูกกระสุนยางยิงแล้ว ไม่สามารถไปใช้สิทธิ์รักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดได้ เนื่องจากมีการปิดเส้นทางจราจรจึงต้องไปโรงพยาบาลศิริราชแทน จึงอยากขอศาลให้มีคำสั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ปิดกั้นเส้นทางจราจรที่มุ่งสู่โรงพยาล หรือสถานที่สำคัญต่างๆ ทั้งนี้ กรณีของโจทก์ไม่ได้มีการร้องขอเปิดเส้นทางเนื่องจากอาการบาดเจ็บไม่ได้เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต


เร่งจัดการผลกระทบ

ขณะนี้ศาลยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณารับคำฟ้อง และอยู่ระหว่างรอคำสั่งศาลว่าให้มีการไต่สวนฉุกเฉินหรือไม่ โดยวันนี้ประกอบด้วยพยาน 3 ปาก ได้แก่ โจทก์ และพยานในเหตุการณ์อีก 2 ปาก โดยจะใช้ภาพเหตุการณ์เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณา ซึ่งขณะนี้โจทก์ยังไม่ประสงค์เรียกค่าเสียหาย

เพราะไม่อยากให้เงินมาเป็นประเด็นในการฟ้องคดีเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง แต่เพียงต้องการให้คุ้มครองเสรีภาพในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนและเสรีภาพการชุมนุม มองว่าด้วยเทคนิคทางกฎหมายในอนาคตอาจร่วมกันพิจารณาอีกครั้งว่าจะมีการเรียกค่าเสียหายหรือไม่ โดยจำเลยประกอบด้วย สตช. และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)

นอกจากนี้ยังมีคำขอท้ายฟ้องและคำขอคุ้มครองชั่วคราว ระบุว่าขอให้เจ้าพนักงานตำรวจในสังกัดของจำเลยทั้งระดับผู้บังคับบัญชาและระดับผู้ปฏิบัติ ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อยากให้เอาออกไปจากพื้นที่การชุมนุมวันนี้ เพราะที่ผ่านมาจำเลยทั้ง 2 ไม่เคยพูดถึงมาตรการในการจัดการผลกระทบที่เกิดขึ้น เช่น การตั้งคณะกรรมการสอบสวนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อปรับปรุงพฤติกรรม ซึ่งต้องรอติดตามผลการพิจารณาคำสั่งของศาลในช่วงบ่ายของวันนี้อีกครั้ง ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร