โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สัญญากับชาวคริสต์ โปรเตสแตนท์ นิกายอีแวนเจลิคัล ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญให้กับเขาในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016 ว่าจะมี "ปฏิบัติการใหญ่" เพื่อส่งเสริมการสวดมนต์ในโรงเรียน แม้จะมีการถกเถียงกันมานานเกี่ยวกับการแสดงออกเรื่องศาสนาในโรงเรียนรัฐบาล
ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะไม่ปล่อยให้ชาวอเมริกันผู้เคร่งศาสนาถูกกลั่นแกล้งจาก "พวกซ้ายจัด" และอีกไม่นาน เขาจะมีมาตรการปกป้องสิทธิในการนับถือศาสนาของนักเรียนและครูที่ได้รับการรับรองในรัฐธรรมนูญมาตรา 1 เพื่อให้ทุกคนสามารถสวดมนต์ในโรงเรียนได้
โจ โกรแกน ผู้อำนวยการคณะกรรมาธิการนโยบายภายในประเทศของทำเนียบขาวกล่าวว่า ทรัมป์มีความตั้งใจจริงในการทำให้ศรัทธาของประชาชน โดยเฉพาะเด็ก ไม่กลายเป็นประเด็นที่นำไปสู่การลงโทษที่ผิดกฎหมาย หรือถูกกดดันทั้งที่มีสิทธิที่ได้รับการรับรองในรัฐธรรมนูญ แนวปฏิบัติใหม่ที่กำลังจะประกาศนี้จะย้ำเตือนเขตการศึกษาต่างๆ ถึงสิทธิของนักเรียน ผู้ปกครองและครู และจะส่งเสริมให้นักเรียนและคนอื่นรู้และใช้สิทธิของพวกเขาอย่างมั่นใจ
การปรับปรุงแนวปฏิบัติจะกำหนดให้โรงเรียนในพื้นที่ต้องรับรองทุกปีว่าโรงเรียนไม่มีนโยบายกีดกันการเข้าร่วมการสวดมนต์ ซึ่งได้รับการปกป้องในรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานด้านการศึกษาของมลรัฐส่งรายงานถึงกระทรวงศึกษาธิการ หากมีโรงเรียนไม่ได้รับรองเรื่องนี้ และเมื่อมีการยื่นคำร้องว่าโรงเรียนไหนไม่ให้สิทธิคนเข้าร่วมการสวดมนต์
กระทรวงศึกษาธิการยังเสนอกฎที่รับรองสิทธิของกลุ่มศาสนาของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยรัฐมากขึ้นด้วย ด้วยเงื่อนไขในการหาทุน สถาบันของรัฐระดับชั้นอุดมศึกษาไม่สามารถกีดกันกลุ่มศาสนาของนักศึกษาจากสิทธิประโยชน์ สิทธิพิเศษ และสิทธิแบบเดียวกับที่กลุ่มนักศึกษาอื่นได้รับ
แม้มาตรา 1 ในรัฐธรรมนูญจะสนับสนุนการปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนา ศาลสูงสุดของสหรัฐฯ เคยตัดสินว่า โรงเรียนรัฐบาลไม่สามารถส่งเสริมการสวดมนต์หรือแสดงสัญลักษณ์ทางศาสนา
แฟรงก์ แรวิตช์ อาจารย์นิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมลรัฐมิชิแกน ซึ่งเคยเขียนเกี่ยวกับการสวดมนต์ในโรงเรียน กล่าวว่า การสวดมนต์แบบส่วนตัวได้รับการปกป้องด้วยมาตรา 1 ในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว และมีน้อยมากที่เจ้าหน้าที่รัฐจะพยายามได้ขัดขวางสิทธิส่วนตัวในการสวดมนต์ของนักเรียน
จากผลสำรวจของ Gallup แสดงให้เห็นว่า ในปี 1999 ชาวอเมริกันสนับสนุนให้มีการสวดมนต์ทุกวันในโรงเรียนรัฐบาลถึงร้อยละ 70 แต่ในปี 2014 ตัวเลขลดลงมาเหลือร้อยละ 61 แต่ชาวคริสต์ก็ยังสนับสนุนให้มีการสวดมนต์ทุกวันในห้องเรียน และให้มีการนำสวดมนต์ในพิธีจบการศึกษา มากกว่าคนกลุ่มอื่นๆ
ทรัมป์ได้รับเสียงสนับสนุนจากชาวคริสต์อีแวนเจลิคัลผิวขาวตลอดมา โดยเอ็กซิตโพลในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016 ระบุว่า คนผิวขาวที่นับคืออีแวนเจลิคัลไปลงคะแนนให้กับทรัมป์ และการสำรวจเมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมาของศูนย์วิจัยความเห็นแห่งชาติเพื่อการวิจัยกิจการสาธารณะของสำนักข่าวเอพี พบว่า คนขาวที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายอีแวนเจลิคัลร้อยละ 79 เห็นว่าทรัมป์ทำหน้าที่ประธานาธิบดีได้ดี ในขณะที่ชาวอเมริกันกลุ่มอื่นๆ คิดเช่นนั้นไม่ถึงครึ่งหนึ่ง