คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีพลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเสรีรวมไทย เป็นประธาน โดยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้าให้ข้อมูลต่อ กมธ. ในกรณีที่มีข่าวการกักตุนหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น โดยนายสมชัย กล่าวตอนหนึ่งว่า จากการสืบค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต เชื่อมั่นว่าจำนวนหน้ากากอนามัยที่ผลิตในประเทศมีปริมาณมากกว่า 200 ล้านชิ้น ไม่ใช่มีกำลังการผลิตเพียงแค่หลักสิบล้านชิ้น จาก 11 โรงงาน เนื่องจากช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เคยให้ข้อมูลหลังจากการตรวจโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยว่า มีเพียงพอต่อความต้องการ เพราะมีจำนวนในสต็อกมากกว่า 200 ล้านชิ้น นายสมชัย กล่าวว่า ตนสงสัยในกรณีหน้ากากอนามัยขาดแคลนในโรงพยาบาล และประชาชนทั่วไปไม่สามารถหาซื้อหาได้ เพราะมีกระบวนการขออนุญาตส่งออกหน้ากากอนามัยเกินจำนวนที่ควบคุมหรือไม่ เพราะตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยสินค้า และบริการ เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาติ การอนุญาต แบบบหนังสืออนุญาต และวิธีการส่งออกซึ่งหน้ากากอนามัย ที่มีอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นเลขาธิการฯ ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีสาระสำคัญห้ามส่งออกเกิน 500 ชิ้นต่อ 1 ครั้ง และในประกาศดังกล่าวยังพบการแก้ไขเพิ่มเติมลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ระบุห้ามส่งออกโดยเด็ดขาด ยกเว้นได้รับการอนุญาตส่งออกจากอธิบดีกรมการค้าภายใน ตามที่อนุกรรมการกลางฯ เสนอ โดยประกาศดังกล่าวนั้น แม้ในมุมของประชาชนทำให้รู้สึกดี เพราะเข้าใจว่าห้ามส่งออกใดๆทั้งสิ้น แต่ในข้อเท็จจริง ตนแปลความได้ว่า การส่งออกสามารถทำได้และมากกว่า 500 ล้านชิ้นตามที่อธิบดีการค้าภายในอนุญาต
“ผมสงสัยว่าจะมีเอกชนรู้ข้อมูลอินไซด์ และทำเรื่องขออนุญาตส่งออก โดยไม่จำกัดจำนวน ในช่วงระหว่างวันที่4-20 กุมภาพันธ์หรือไม่ และทราบจากข่าวว่ากรณีที่มีบุคคลชื่อเสี่ยบอย โพสต์บัญชีธนาคาร และข้อความ ระบุว่า มาจากการขายหน้ากากอนามัยหลักร้อยล้านบาท ซึ่งผมคิดว่า เรื่องนี้ต้องสอบข้อเท็จจริง รวมถึงเส้นทางทางการเงินโดยขอความร่วมมือจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้สอบบัญชีดังกล่าว ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นของนายศรสุรีร์ ภู่รวีรัศวัชรี ซึ่งเป็นบุคคลที่โพสต์ขายหน้ากากอนามัยตามที่ปรากกฏเป็นข่าวจริงหรือไม่” นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวว่า ส่วนการกระจายหน้ากากอนามัยไปยังโรงพยาบาล และร้านจัดจำหน่ายนั้น ตามข้อมูลที่กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า จะกระจายหน้ากากต่อวันได้ถึง 1.2 ล้านชิ้น โดยแบ่งโรงพยาบาล 7 แสนชิ้น และร้านจำหน่ายต่างๆ 5 แสนชิ้น แต่ข้อจริงพบว่ากระทรวงพาณิชย์ ไม่ได้กระจายสินค้าเอง แต่ให้ได้องค์เภสัชกรรม (อภ.) เป็นผู้กระจายไปยังโรงพยาบาล ขณะที่การกระจายไปยังร้านค้าเพื่อจำหน่ายให้ประชาชนนั้น ได้มอบหมายให้โรงงานเป็นผู้จัดส่ง ดังนั้น ในกระบวนการตรวจสอบ ควรนำข้อมูลปริมาณหน้ากากอนามัย จำนวนโรงพยาบาลและร้านค้าที่อภ.และโรงงานส่งไปยังที่ต่างๆ มาตรวจสอบเพื่อให้สอบเส้นทาง
ทั้งนี้ ภายหลังนายสมชัย ได้ให้ข้อมูลต่อคณะ กมธ. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้กล่าวว่า กมธ.จะรับเรื่อง และพร้อมพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยจะเชิญอธิบดีกรมการค้าภายใน และเลขาธิการ ปปง. มาชี้แจงต่อ กมธ. ในวันพุธที่ 18 มี.ค. 2562 เวลา 13.00 น. และจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาชี้แจงในวันพุธที่ 25 มีนาคม 2562 ต่อไป ก่อนจะไปมอบหมายให้นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส. บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ ดำเนินการในเรื่องนี้
โดยนายธีรัจชัย กล่าวภายหลังการประชุมว่า กรณีที่เชิญเลขาธิการ ปปง. เพราะต้องการรู้ถึงเส้นทางทางการเงินว่า สามารถโยงถึงกลุ่มบุคคลใดได้บ้าง ส่วนข่าวที่ระบุว่า คนใกล้ชิด ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น กมธ. ยังไม่ได้ตั้งธงในประเด็นที่ปรากฏเป็นข่าวแต่เชื่อว่า ในการตรวจสอบเส้นทางทางการเงินจะสามารถโยงไปถึงคนที่เกี่ยวข้องได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการหารือเรื่องหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือในช่วงท้ายของการประชุม กมธ. ไม่มีนายสิระ เจนจาคะ นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ และนายไพบูลย์ นิติตะวัน กรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐเข้าร่วมประชุม