บ้านหลังใหญ่โตสุดอลังการงานสร้าง เฟอร์นิเจอร์แทบทุกชนิดตกเเต่งหรูหราสีทองอร่าม แชนเดอเลียร์ห้อยระย้าระยิบระยับไปด้วยหินคริสตัล พื้นบ้านปูด้วยไม้มะค่าหนักแน่นสีเข้ม สวนหลังบ้านถูกโอบล้อมด้วยสระน้ำรูปวงรี มีต้นไม้น้อยใหญ่เพิ่มบรรยากาศแสนร่มรื่น ทั้งหมดนี้แปะป้ายประกาศขายในราคา 180 ล้านบาท

ท่ามกลางความสนใจของสังคม บ้างบอกว่านี่บ้านหรือวัง บ้างบอกเหมือนวิมานในละครหลังข่าว บ้างอยากรู้อยากเห็นความเป็นอยู่ของคนในบ้าน สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ ฉากชีวิตของเจ้าของ ผู้เริ่มต้นจากเด็กยากจน จบเพียงแค่ ป.6 แต่ไม่คิดยอมแพ้ เดินหน้าคว้าทุกโอกาส เรียนรู้ประสบการณ์เพื่อพัฒนาตัวเอง เปลี่ยนสถานะจากลูกจ้างสู่เถ้าแก่ได้อย่างน่าชื่นชม

“ผมไม่เคยให้สัมภาษณ์มาก่อน คุยแบบลูกทุ่งๆ นะครับ” สุชาติ คงฉิม วัย 55 ปี เจ้าของบ้านร้อยล้านท่าทีนอบน้อมดูอบอุ่นกล่าวพร้อมกับหัวเราะเบาๆ เป็นการต้อนรับ

ทำงานเอาชนะความจน

สุชาติ คงฉิม และ ภรรยาจันทิรา คงฉิม วัย 52 ปี เป็นเจ้าของบริษัท สินหมื่นแสน จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอลูมิเนียมครบวงจร

เขาเป็นลูกชาวนา เกิดในครอบครัวที่ค่อนข้างยากจน ใน จ.ลพบุรี เรียนจบเพียงแค่ชั้น ป.6 ครอบครัวไม่มีเงินส่งเรียนต่อ จึงตัดสินใจเก็บกระเป๋าเข้ามาอยู่กับญาติที่กรุงเทพฯ หวังเปลี่ยนแปลงชีวิต โดยเข้ามาสมัครเป็นลูกจ้างรับใช้เถ้าแก่ในวงการค้าอลูมิเนียม

“เริ่มจากยกของส่งของ ทำทุกอย่างที่เขาสั่ง ทุกตำแหน่ง วันหนึ่งเจ้านายเห็นความซื่อสัตย์ ไว้ใจให้เป็นแมสเซนเจอร์ เป็นเซลส์ เริ่มไปคุยงาน ไปแบงก์ทำธุรกรรมการเงินต่างๆ”

ช่วงเวลานั้น ‘จันทิรา’ หญิงสาวจากลำปาง เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ เป็นพี่เลี้ยงเด็กประจำเนิร์สเซอรี่ โชคชะตาลิขิตให้ได้มาดูแลลูกชายเจ้าของบริษัทที่สุชาติเป็นลูกจ้าง กระทั่งได้พบรักและแต่งงานกันในที่สุด

ทั้งสองใช้ชีวิตคู่อย่างประหยัด ไม่กินเที่ยวฟุ่มเฟือย ไม่ข้องเกี่ยวกับการพนันและแอลกอฮอล์ เก็บหอมรอมริบอย่างมีวินัย ดูแลลูกสองคนอย่างอบอุ่นตามฐานะ โดยมี ‘จันทิรา’ ที่ขณะนั้นเริ่มต้นทำงานในบทบาทเลขานุการให้กับบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่งดูแลการเงินของครอบครัว

วันเวลาเดินทางไป 15 ปีเต็ม สุชาติเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ซึมซับรายละเอียดทุกกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ รวมถึงรู้จักผู้คนมากมายในวงการอลูมิเนียม เขาเริ่มคิดไกลกว่าการเป็นแค่ลูกจ้างและตัดสินใจออกมาเปิดบริษัทเป็นของตัวเองในนาม ‘สินหมื่นแสน’

ตาชั่งทุกขีดไม่เคยบวก

สุชาติและจันทิราเริ่มต้นธุรกิจด้วยเงินหมุนเวียน ทำการค้าลักษณะ ‘ซื้อมาขายไป’ โดยอาศัยความจริงใจ ซื่อสัตย์และความเป็นมืออาชีพ เป็นหลักประกันสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัท

“ด้วยความที่ผมทำงานตั้งแต่เด็ก ผู้ใหญ่ในวงการอลูมิเนียมเห็นเราก็จะบอก อ่อ..ไอ้นี่มันเด็กยกของสมัยก่อนนี่หว่า” เขาเล่าว่าเมื่อครั้งเริ่มต้นธุรกิจไม่เคยมีกลยุทธ์ คิดไกลหรือมีเป้าหมายที่จะสร้างยอดขายแตะหลักสิบล้าน ร้อยล้าน แต่เลือกปล่อยให้เป็นไปตามจังหวะและโอกาส

“เราโตไปแบบขั้นบันได เก็บเล็กผสมน้อย ทำงานด้วยความมุมานะ จบตรงนี้ไปต่อตรงนั้น เติบโตจากความซื่อสัตย์ ได้จังหวะและลูกค้าที่ดี ความจริงใจที่เรามอบให้กับลูกค้า ทำให้เขารักเรา” สุชาติแววตามุ่งมั่น “ตาชั่งทุกขีดทุกกรัมเราไม่เคยไปบวก”

จันทิรา เสริมว่า คำพูดและการกระทำนั้นเป็นใหญ่ ขณะที่ประสบการณ์จะช่วยเหลือในการตัดสินใจ ที่ผ่านมาบริษัทเคยเจออุปสรรคใหญ่อย่างวิกฤตต้มยำกุ้ง ปี 2540 ซึ่งสำหรับบริษัทเล็กๆ ที่เพิ่งเริ่มต้นอย่าง ‘สินหมื่นแสน’ หนี้เพียงแค่ 4-5 ล้านบาท ก็นับว่าสาหัสแล้ว

“มีน้ำตาตกเหมือนกัน เหนื่อยมาก เราไม่มีเงินสำรอง ลูกค้าบางรายจ่ายช้า บางรายไม่จ่าย ต้องวิ่งไปพูดคุยหาทางขอผ่อนผันอธิบายกับธนาคารและลูกค้าอย่างตรงไปตรงมา ยอมกู้เงิน ยอมเสียดอกเบี้ยจนเอาตัวรอดมาได้” จันทิราย้อนถึงบทเรียนในอดีต

ทุกวันนี้แม้สถานะทางการเงินจะดีขึ้นมาก มีลูกน้องนับร้อยคนคอยช่วยเหลือ แต่พวกเขาบอกว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานมากนัก ยังคงเน้นการแนวทางที่สุชาติเรียกว่า “ลูกทุ่ง” คือลงไปคลุกคลีกับลูกน้องเพื่อให้เห็นสภาพความเป็นจริงมากที่สุด

อยากได้เหมือนในฝัน

การประกาศขายบ้านของครอบครัวคงฉิม ที่ The Grand Rama 2 โครงการ Island Paradise อ.เมืองสมุทรสาคร เนื้อที่ดิน 280 ตรว. พื้นที่ใช้สอย 1,207 ตรม. กลายเป็นที่ฮือฮาในโลกออนไลน์ ด้วยราคาและความอลังการในการตกแต่ง

จันทิราออกแบบและตกแต่งบ้านหลังนี้ตามจินตนาการและความฝันในวัยเด็กที่ต้องการมีบ้านหลังใหญ่ โอ่อ่าอลังการด้วยสีทอง ซึ่งเป็นสีที่ชื่นชอบ โดยพูดติดตลกว่า “พี่ดูหนังเยอะมั้ง บ้านเลยออกมาเป็นแบบนี้”

“พี่เป็นคนชอบใฝ่ฝัน ชอบจินตนาการ พอเราหมดภาระจากการผ่อนบ้านหลังเก่า ผ่อนรถก็หมดแล้ว เราก็อยากจะได้บ้านในฝัน ก็สร้างและตกแต่งเรื่อยมา เราไม่เคยมีบ้านหลังใหญ่ ไม่รู้จักสไตล์ไหนอะไรยังไง ชอบโต๊ะชอบเก้าอี้แบบไหนก็เลือกซื้อมา แล้วให้อินทีเรียช่วย” จันทิราเบิกบานเล่าอย่างมีความสุข ซึ่งนอกจากบ้านจะตอบโจทย์ความฝันแล้ว อีกด้านเธอยังเห็นว่าเป็นเสมือนรางวัลที่สะสมมาทั้งชีวิต

บ้านหลังนี้ใช้เวลาสร้างและตกแต่งราว 5 ปี แต่ครอบครัว ‘คงฉิม’ กลับอยู่ได้ไม่นาน เนื่องจากสุชาติและจันทิรามักใช้ชีวิตและพักผ่อนที่โรงงานย่านบ้านแพ้วมากกว่า เช่นเดียวกับลูกๆ

“เรานอนที่นี่ไม่ถึง 10 ครั้ง ตอนเสร็จใหม่ๆ แน่นอนว่าความตื่นเต้น ความภาคภูมิใจมันมีอยู่แล้วสำหรับเด็กบ้านนอกอย่างเรา ฉันทำได้ ฉันมีบ้านหลังใหญ่แล้ว แต่สุดท้ายมันก็ไม่ตอบโจทย์ชีวิตเรา งานเลิก 4-5 ทุ่มบางทีตี 1 ตี 2 ก็เดินขึ้นไปนอนที่โรงงาน เช้าก็ลงมาทำงาน มันสะดวกกว่า” เธอบอกพร้อมกับยืนยันว่าการขายไม่เกี่ยวกับปัญหาทางด้านเศรษฐกิจแน่นอน

ไม่ลืมบ้านหลังแรก

แม้วันนี้พวกเขาจะมีบ้านหลายหลัง มีดินหลายไร่ แต่เมื่อต้องพลิกปฏิทินย้อนหลังกลับไป ทั้งคู่ยังคงระลึกถึงความทรงจำที่มีต่อบ้านหลังแรกย่านประชาอุทิศ ราคาล้านกว่าบาทได้อย่างแจ่มชัด

“จำได้ไม่ลืม ราคาล้านกว่าบาท เป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้นครึ่ง 4 ห้องนอน ชอบมาก มีความสุขและรู้สึกอบอุ่นมาก” สาวลำปางเล่าถึงวันวานขณะอายุได้ราว 31 ปี

สุชา��ิบอกว่า “บ้านหลังใหญ่” อาจเป็นความสุขเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น สำหรับเขาแล้วความสุขที่แท้จริงคือการได้อยู่กับครอบครัวที่อบอุ่น พร้อมหน้าพร้อมตา และได้เห็นงานที่ลงมือทุ่มเทขยับขยายจนประสบความสำเร็จ

“เตียงนอนใหญ่ รถยนต์หรู พอได้มาแล้ว ทุกอย่างก็เหมือนเดิม ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้นมากมาย บ้านใหญ่ขนาดไหน สุดท้ายก็กลับไปนอนหลับได้ในห้องเล็กๆ เหมือนเดิม” เจ้าของธุรกิจอลูมิเนียมบอก "ผมไม่เคยลืมตอนจน"

พวกเขาทิ้งท้ายว่า แม้จะจ่ายเงินให้กับบ้านหลังมหึมา แต่ไม่ได้ลำบากหรือดิ้นรนให้ตัวเองเป็นทุกข์กับหนี้สินหรือความฟุ่มเฟือย ทุกอย่างอยู่ในความสามารถทางการเงินของครอบครัว

“ไม่คิดว่าจะมีวันนี้เหมือนกันค่ะ” จันทิราบอก ขณะที่สุชาติพยักหน้าและยิ้มให้กับภรรยา