วันที่ 15 พ.ค. 2565 เวลา 06.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมคณะเดินทางกลับมาจากการไปร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน - สหรัฐฯ สมัยพิเศษ ที่สหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 12-13 พ.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าร่วมประชุม ว่า ได้มีการหารือในทุกเรื่อง และการเดินทางครั้งนี้ยังได้มีโอกาสพบปะหารือกับ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมถึงผู้นำระดับสูงของสหรัฐฯ และภาคธุรกิจสหรัฐฯ รวมไปถึงได้มีโอกาสพบปะกับประชาชนคนไทยในสหรัฐ ซึ่งได้มีการทักทายและสอบถามสารทุกข์สุกดิบ ทุกคนมีความสุข รวมทั้งตนก็ได้เล่าให้ฟังด้วยว่า ตอนนี้ประเทศไทยมีอะไรเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอะไรไปแล้วบ้าง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้ขอบคุณสหรัฐฯ ที่ได้ให้การสนับสนันดูแลด้านสุขภาพของไทย เช่น วัคซีนโควิด-19 และการร่วมมือกันนำพาประเทศ
นอกจากนี้ ตนได้เสนอด้านมนุษยธรรมที่เกี่ยวข้องกับสงครามที่เกิดขึ้น และความเสียหายที่จะต้องช่วยกันดูแล รวมทั้งเรื่องเศรษฐกิจที่เสนอการฟื้นฟูระหว่างไทย-สหรัฐฯให้ดีมากยิ่งขึ้น เนื่องจากไทยเป็นแกนกลางอาเซียนและจะเป็นห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญของสหรัฐฯ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีอัจฉริยะ อีกทั้งยังได้หารือกับนักลงทุนในต่างประเทศให้มาลงทุนในไทยมากยิ่งขึ้นเนื่องจากเป็นช่วงของการลงทุนใหม่ในหลายประเทศ ซึ่งไทยมีโอกาสในตรงนี้มาก ทั้งนี้ทราบว่าจะมีการนำนักธุรกิจรายใหญ่ของโลกมาเยือนประเทศสมาชิกอาเซียนโดยใช้ไทยเป็นฐานในปี2566 ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ในที่ประชุมใหญ่ตนเองได้เรียกร้องให้ทุกประเทศร่วมมือกันอย่างจริงจัง ในการเดินตามเพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด และเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ยืนยันว่าการประชุมครั้งนี้ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ภายใต้ความร่วมมือที่เป็นรูปประธรรม ระหว่างอาเซียนกับสหรัฐ โดยเฉพาะความมั่นคงด้านสาธารณสุขพลังงาน การรับมือกับความเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศ การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนามนุษย์ เพื่อให้หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ระหว่างเรามีความเข้มแข็งและมีศักยภาพมากยิ่งขึ้นสนับสนุนการฟื้นฟูหลังโควิด-19 อย่างยั่งยืน และในฐานะที่เป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคในปีนี้นั้น ได้ถือโอกาสเชิญชวนประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้าร่วมการประชุมผู้นำทางเศรษฐกิจ ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งมองว่าเป็น เวทีสำคัญที่ไทยจะผลักดันสร้างเสริมภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวเน้นย้ำว่า การประชุมในครั้งนี้เป็นประโยชน์อย่างมากมาย ไม่ได้มีปัญหาอะไรอย่างที่วิพากษ์วิจารณ์ ขออย่ากังวล ยืนยันรัฐบาลไม่เคยหยุดนิ่งสิ่งสำคัญที่สุด เครียดเรื่องเศรษฐกิจ เราต้องมองไปข้างหน้าเราทำงานอย่างมีวิสัยทัศน์ และเดินหน้าประเทศไทยยังทิศทางใด จะร่วมมือกับใคร เราพร้อมที่จะร่วมมือกับทุกประเทศ สิ่งสำคัญคือประเทศไทยจะต้องสงบเรียบร้อย ประเทศไทยจะเป็นพื้นที่ที่เหมาะสม ที่ปลอดภัยและมีความสงบสุข และเป็นแกนกลางของอาเซียน เพราะตนอยากให้ประเทศไทยเป็นพื้นที่ที่ทุกคนก็อยากมา ใช้เป็นเวทีพูดคุยในการแก้ปัญหาในทุกเรื่อง เพราะฉะนั้นเราต้องรักษาสิ่งที่เรามีอยู่ในวันนี้ ให้ได้ตลอดไป