มัสก์ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก จากกลุ่มคนที่เชื่อว่ามุมมองของเขา ที่มีความสุดโต่งในด้านเสรีภาพในการแสดงออก จะทำให้ปริมาณของข้อมูลเท็จบนทวิตเตอร์มีมากขึ้น ทั้งนี้ ผู้ประกอบการหลายคนที่กังวลเกี่ยวกับการควบคุมเนื้อหาของทวิตเตอร์ ได้ถอนการลงทุนออกจากแพลตฟอร์มแล้ว

ในวันจันทร์ที่ผ่านมา (7 พ.ย.) มัสก์ได้เผยแพร่ข้อความบนทวิตส่วนตัวของเขา ที่มีผู้ติดตามกว่า 110 ล้านคน ซึ่งเขาถือเป็นผู้บริหารระดับสูงของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียคนแรก ที่กล่าวสนับสนุนพรรคการเมืองอย่างเปิดเผย 

มัสก์เขียนทวิตดังกล่าวเพื่อสื่อสารกับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง “การแบ่งอำนาจกันเป็นการจำกัดอำนาจที่ล้นเกินของแต่ละพรรคการเมือง ดังนั้นผมจึงแนะนำให้ลงคะแนนเสียงให้พรรครีพับลิกัน ในเมื่อประธานาธิบดีคนปัจจุบันมาจากพรรคเดโมแครต”

อย่างไรก็ตาม มัสก์ได้เพิ่มข้อความเข้าไปอีกในภายหลังว่า “ผมเปิดรับกับความคิดที่จะโหวตพรรคเดโมแครตอีกในอนาคต” เขายังกล่าวอีกว่าเขาเป็นผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตมาตลอด

ทั้งนี้ มัสก์ในฐานะมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ได้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลไบเดนหลายครั้งในนโยบายการเก็บภาษีเศรษฐีสหรัฐฯ มากขึ้น และนโยบายการสร้างแรงจูงใจทางภาษีให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่มีการจัดตั้งสหภาพแรงงานขึ้น เพราะโรงงานของเทสลาในสหรัฐฯ ซึ่งมัสก์เป็นเจ้าของ ไม่ได้มีการจัดตั้งสหภาพแรงงานแต่อย่างใด

อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับทวิตของมัสก์

พรรครีพับลิกันถูกคาดการณ์ว่าจะชนะเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ โดยพวกเขาสามารถใช้เสียงข้างมากนี้ ในการยับยั้งวาระทางกฎหมายของรัฐบาลไบเดนลง รวมถึงสามารถทำการสอบสวนการทำงานและชีวิตส่วนตัวของไบเดน ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบทางการเมืองในเชิงลบต่อตัวไบเดนได้

ไคล์ คอนดิค จากศูนย์วิจัยรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย กล่าวว่า คำพูดของมัสก์ไม่น่าจะมีอิทธิพลมากต่อผลของการเลือกตั้งครั้งนี้ “เป็นเรื่องยากที่จะคาดหวังว่า การสนับสนุนของคนมีชื่อเสียง จะมีผลกระทบต่อพฤติกรรมของผู้ลงคะแนนเสียง” คอนดิคกล่าว

มัสก์มักวิพากษ์วิจารณ์การเมืองสหรัฐฯ อยู่บ่อยครั้ง โดยก่อนหน้านี้เขาได้กล่าวว่าเขาจะลงคะแนนเสียงให้กับพรรครีพับลิกัน และกล่าวว่าเขาเอนเอียงไปทางการสนับสนุน รอน เดอแซนทิส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดาจากพรรครีพับลิกัน ให้ได้เป็นประธานาธิบดีในปี 2024 ในขณะที่เขาวิจารณ์ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีจากพรรคเดียวกัน ซึ่งวางแผนที่จะลงเลือกตั้งเช่นกันนั้น แก่เกินกว่าที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง

นิวท์ กิงริช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกันกล่าวว่า การแสดงความเห็นของมัสก์เป็นกำลังใจให้พรรคของพวกเขาอย่างมาก

การที่มัสก์ออกตัวสนับสนุนพรรคการเมืองอย่างชัดเจน เป็นการแสดงจุดยืนที่ไม่สอดคล้องอย่างยิ่งกับทวีตของเขาในเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเขากล่าวว่า “เพื่อที่ทวิตเตอร์จะได้รับความเชื่อมั่นจากมวลชน มันจะต้องมีความเป็นกลางทางการเมือง นั่นหมายถึงการทำให้ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาไม่พอใจอย่างเท่าเทียมกัน”

แม้มัสก์จะเป็นผู้บริหารบริษัทโซเชียลมีเดียคนแรก ที่ออกมาสนับสนุนพรรคการเมืองอย่างโจ่งแจ้ง แต่ที่ผ่านก็มีผู้บริหารระดับสูงของหลายบริษัท ที่แสดงจุดยืนทางการเมืองไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเช่นกัน

ยกตัวอย่างเช่น เชอริล แซนด์เบิร์ก อดีตผู้บริหารสูงสุดของเมตา เคยบริจาคเงินจำนวนมากให้กับ ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครเลือกตั้งหัวก้าวหน้าของพรรคเดโมแครตในปี 2559 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แซนด์เบิร์กไม่ได้บอกผู้ติดตามของเธอให้ลงคะแนนเสียงให้พรรคเดโมแครตแต่อย่างใด และเธอพยายามรักษาระยะห่างระหว่างความคิดเห็นทางการเมืองของเธอแ ละตำแหน่งการบริหารในบริษัทโซเชียลมีเดีย

ส่วน แจ็ค ดอร์ซีย์ อดีตผู้บริหารของทวิตเตอร์ ได้วางตัวออกห่างจากทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครต ในขณะที่ มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก และภรรยาของเขา ได้บริจาคเงินให้กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่ช่วยรัฐบาลท้องถิ่นต่างๆ ในการจัดการเลือกตั้ง

มัสก์ซื้อทวิตเตอร์เมื่อเดือนที่แล้ว และได้ปลดพนักงานออกเกือบครึ่งบริษัท ซึ่งทำให้รายได้จากการขายโฆษณาลดลงอย่างมาก แม้บริษัทจะกล่าวว่าความสามารถในการควบคุมเนื้อหาของทวิตเตอร์ยังคงมีอยู่เช่นเดิม

เจสซิกา กอนซาเลส ผู้บริหารสูงสุดร่วมของฟรีเพรส ซึ่งเป็นกลุ่มผลประโยชน์ที่ทำงานเกี่ยวกับบทบาทของสื่อในสังคมประชาธิปไตย ได้กล่าวว่า การแสดงความคิดเห็นของมัสก์ทำให้เขา “แสดงตนว่าเป็นผู้ที่ขาดความมั่นคงพอที่นักลงทุนจะเชื่อใจได้”

ในปีที่แล้ว มัสก์ได้ย้ายทั้งบ้านพักส่วนตัวของเขาและสำนักงานใหญ่ของบริษัทเทสลาจากรัฐแคลิฟอร์เนียไปยังเท็กซัส ซึ่งเป็นรัฐที่มีความเป็นอนุรักษนิยมมากกว่า และไม่มีการเก็บภาษีเงินได้ในระดับรัฐ

ที่มา:

https://www.aljazeera.com/economy/2022/11/7/twitter-owner-musk-endorses-republicans-in-us-midterms