ไม่พบผลการค้นหา
คาจา คัลลาส นายกรัฐมนตรีเอสโตเนีย ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนัก หลังมีการกล่าวอ้างว่าสามีของเธอ ยังคงรักษาผลประโยชน์ทางธุรกิจของเขาอยู่ในรัสเซีย ในขณะที่ อาลาร์ คาริส ประธานาธิบดีเอสโตเนีย กล่าวว่าข้อกล่าวหาดังกล่าว ได้ก่อให้เกิด “ความน่าเชื่อถือของรัฐเอสโตเนียอันตกเป็นที่น่าสงสัย”

ก่อนหน้านี้ มีรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า Stark Logistics ซึ่งเป็นบริษัทที่ อาร์โว ฮัลลิก สามีของ คัลลาส เป็นเจ้าของบางส่วนยังคงดำเนินธุรกิจในรัสเซียต่อไป นับตั้งแต่การรุกรานยูเครนโดยรัสเซียเมื่อปีที่แล้ว ทั้งนี้ คัลลาสและฮัลลิกยืนยันว่า ธุรกิจดังกล่าวกำลังทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือ แก่ Metaprint บริษัทสัญาชาติเอสโตเนียอีกแห่งหนึ่ง ในการทำการสรุปการค้าในรัสเซีย

ทั้งนี้ สื่อท้องถิ่นรายงานว่า Metaprint ขายสินค้ามูลค่า 17 ล้านยูโร (ประมาณ 647 ล้านบาท) ให้กับรัสเซียระหว่างการเริ่มบุกยูเครนเต็มรูปแบบในเดือน ก.พ. ถึงเดือน พ.ย. 2565

นายกรัฐมนตรีเอสโตเนีย ซึ่งเป็นผู้นำในประเทศแนวหน้า ที่สนับสนุนยูเครนในการต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย ออกมาปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการสอบสวนของคณะกรรมาธิการ ซึ่งมีการคาดว่าเธอจะหารือเรื่องงบประมาณสำหรับสำนักประธานาธิบดี นอกจากนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่าคัลลาสจะเข้าร่วมการประชุมของคณะกรรมาธิการด้านการต่อต้านการทุจริตหรือไม่ โดยการสอบสวนดังกล่าวจะมีความเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางธุรกิจ ที่ดำเนินต่อไปในรัสเซียในช่วงความขัดแย้งในยูเครน

อูร์มาส เรอินซาลู ประธานคณะกรรมมาธิการงบประมาณของพรรคอิซามา พรรคฝ่ายค้านของเอสโตเนีย กล่าวว่าพฤติกรรมของคัลลาสเป็นเรื่องที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน และเรียกร้องให้เธอลาออก “ผู้นำรัฐบาลที่ขาดคุณธรรม เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงเช่นกัน โดยเธอบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศของเรา เกี่ยวกับนโยบายคว่ำบาตรอย่างเด็ดเดี่ยว และการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องสำหรับยูเครน” เรอินซาลูกล่าว

คัลลาส อดีตทนายความและเป็นลูกสาวของ ซิม คัลลาส อดีตนายกรัฐมนตรีเอสโตเนีย ได้รับการยกย่องและมีชื่อเสียงในระดับนานาชาติ จากการสนับสนุนยูเครนในการต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย และเธอได้เคยกล่าวตำหนิ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส อย่างเปิดเผย จากการต่อสายโทรศัพท์พูดคุยของมาครงกับ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ในวันแรกๆ ของสงครามการรุกราน

เอสโตเนียให้การสนับสนุนอย่างแรงกล้าต่อยูเครนในการต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย และคัลลาสยังรณรงค์การสนับสนุนการคว่ำบาตรต่อรัสเซียอย่างแข็งขัน โดยเธอเรียกร้องให้ชาติยุโรปลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย ทั้งนี้ เอสโตเนียเป็นหนึ่งในผู้บริจาคเงินช่วยเหลือทางทหาร มนุษยธรรม และเศรษฐกิจรายใหญ่ที่สุดแก่ยูเครนต่อหัว แม้ว่าเอสโตเนียจะต้องเผชิญหน้ากับภาวะเงินเฟ้อสูงถึง 25% ก็ตาม

แม้ว่าหน่วยงานรักษาความปลอดภัยภายในของเอสโตเนีย จะกล่าวว่ากิจกรรมทางธุรกิจของฮัลลิกไม่ได้ละเมิดมาตรการคว่ำบาตร แต่ความเชื่อมั่นของสาธารณชนต่อนายกรัฐมนตรีเอสโตเนียกลับได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ จากผลสำรวจที่จัดทำโดยสถานีโทรทัศน์สาธารณะของเอสโตเนีย ระบุว่า ชาวเอสโตเนียส่วนใหญ่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีลาออก ซึ่งผลสำรวจดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อเสียงสนับสนุนของประชาชนต่อคัลลาสได้

พรรคพันธมิตรร่วมรัฐบาลของคัลลาส ได้แก่ พรรคโซเชียลเดโมแครต และพรรคเอสโตเนีย 200 ยังคงให้การสนับสนุนนายกรัฐมนตรีเอสโตเนียต่อไป ทั้งนี้ พรรคปฏิรูปของคัลลาสได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง เมื่อช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอได้กลายมาเป็นผู้นำรัฐบาลผสมที่ก้าวหน้าที่สุดของประเทศ โดยเฉพาะการผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียมของเอสโตเนียในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา

คัลลาสกล่าวว่าเธอไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของสามี โดยเธอระบุว่า “สามีของดิฉันและดิฉันไม่เคยพูดคุยเรื่องธุรกิจที่บ้านเลย” โดยในรายงานเมื่อเดือน ก.ค. ระบุว่า เธอให้เงินกู้จำนวน 350,000 ยูโร (ประมาณ 13 ล้านบาท) แก่สามี เพื่อวัตถุประสงค์ในการลงทุน และเธอได้เข้าเยี่ยมชมบริษัท Metaprint หลายครั้ง ในฐานะนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ คัลลาสกล่าวว่าการเยือน Metaprint ของเธอเกิดขึ้นก่อนสงครามยูเครนจะเริ่มขึ้น และเธอไม่เคยพูดคุยเกี่ยวกับลักษณะหรือวัตถุประสงค์ของการกู้ยืมเงินให้กับสามีของเธอ


ที่มา:

https://www.theguardian.com/world/2023/aug/28/estonia-pm-under-pressure-husband-russian-alleged-business-links-kaja-kallas?CMP=Share_AndroidApp_Other&fbclid=IwAR3lFKqweL25KYDavAIsu-MhLCxnmiuPGooHSR2vVwsY7S1UFXxdlQ8CajY