ไม่พบผลการค้นหา
เลือกตั้ง ‘นครพนม’ เลือกตั้งโค้งสุดท้ายระอุ! ชุดสืบสวน กกต. ร่วมกับ ชุดสืบสวนจังหวัดนครพนมตรวจสอบพ่อค้าพกเงินสด จำนวนมากไว้ตรวจสอบ ตามขั้นตอนกฎหมาย ด้านพ่อค้าแจงไม่ใช้เงินซื้อเสียง เป็นเงินไว้ซื้อของ ด้าน กกต.นครพนม ยันไม่พบการซื้อเสียง ขณะที่ 'มนพร' หวั่นถูกโยงดิสเครดิต 'เพื่อไทย' เตรียมหารือฝ่ายกฎหมายพรรค เพื่อดำเนินการทางกฎหมายเด็ดขาด

เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ความคืบหน้ากรณีมีข่าว ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม นำโดย พ.ต.อ.กฤติน กอร์ปกุลหิรัญ ผกก.สอบสวนนครพนม ร่วมกับ ชุดเคลื่อนที่เร็ว กกต.นครพนม ทำการจับกุม ตรวจสอบ มานพ (สงวนนามสกุล) ชาว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ขณะขับรถยนต์กระบะเตรียมไปซื้อของ ในพื้นที่ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่สกัดตรวจค้น บริเวณ บ้านแพงสะพัง – หนองไฮ ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เหตุเกิดเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 12 พ.ค. 2566 พร้อมตรวจค้นพบเงินสด เป็นธนบัตร ชนิด 1,000 บาท จำนวน 130 ฉบับ นอกจากนี้ยังมีธนบัตรฉบับละ 500 บาท จำนวน 130 ฉบับ รวมเป็นเงิน 195,000 บาท จึงยึดมาตรวจสอบ ลงบันทึกประจำวัน ที่ สภ.ท่าอุเทน จ.นคพรนม เพื่อมอบหมายให้ ทาง คณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดนครพนม มีการตรวจสอบ เกี่ยวกับความผิดกับการเลือกตั้ง 

ทั้งนี้ มานพ (สงวนนามสกุล) ชาว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ทางเจ้าของเงิน ยืนยันว่า เป็นเงินสด ที่เก็บไว้ติดตัวในรถ เพราะมีอาชีพค้าขาย และนำไปซื้อของ มาค้าขาย ในครอบครัว ยอมรับเป็นผู้ช่วยหาเสียงจริง แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในการซื้อเสียง โดยจะได้หารือกับ ทางฝ่ายกฎหมาย ของพรรคเพื่อไทย เพื่อดำเนินการทางกฎหมาย เนื่องจาก มีการนำชื่อ นามสกุล ข้อมูลส่วนตัว ไปเผยแพร่ตามสื่อ และนำภาพถ่าย คลิปวีดีโอไปเปิดเผย เชื่อว่าเป็นฝีมือของพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม

มานพ (สงวนนามสกุล) ยังระบุอีกครั้งว่า มั่นใจตนถูกกลั่นแกล้ง และเป็นการดิสเครดิตทางการเมือง เนื่องจากตนเป็นผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย แต่เป็นสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย ส่วนเจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบยึดเงินสด ขณะเดินทางไปซื้อของ มาค้าขายที่ร้าน ในบ้านพัก ที่ขายของทั่วไป โดยตนมีอาชีพค้าขาย ยอมรับกระทบการค้าขาย เพราะเป็นเงินใช้จ่ายหมุนเวียน ฝากขอความเป็นธรรมให้มีการคืนเงินให้เร็วที่สุด สำหรับกรณีที่มีการนำข้อมูลไปเผยแพร่ออกสื่อในทางเสื่อมเสีย ได้ประสานงานกับฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย เตรียมดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ธวัชชัย ถุงเป้า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนคพรนม เปิดเผยว่า จากกรณีตรวจยึดเงินสดของพ่อค้าดังกล่าว เป็นการทำงานของ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วของ กกต.นครพนม เพื่อป้องกันปราบปรามการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ส่วนกรณีดังกล่าว ไม่ได้จับกุมการซื้อเสียง เป็นเพียงการตรวจยึดมาตรวจสอบ และมอบหมายให้ ทางเจ้าหน้าที่ กกต.ดำเนินการ ตามขั้นตอนต่อไป หากไม่มีความผิด จะดำเนินการส่งคืนเจ้าของ เป็นการทำงานตามอำนาจหน้าที่

ขณะเดียวกัน ดร.มนพร เจริญศรี ผู้สมัคร ส.ส.นครพนม เขต 2 เบอร์ 2 พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า หลังมีข่าวเผยแพร่ออกไป ได้หารือกับทางฝ่ายกฎหมาย ของพรรคเพื่อไทย รวมถึงเจ้าของเงิน พบว่า มีข้อมูลที่นำไปเผยแพร่ที่สร้างความเสื่อมเสียให้กับพรรคเพื่อไทย รวมถึงผู้สมัคร โดยจะได้ดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด ในส่วนที่พบว่ามีความผิด ที่มีการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ ตามความผิด พ.รบ.คอมพิวเตอร์ หรือมีการใส่ร้ายให้พรรคเพื่อไทยเกิดความเสื่อมเสีย ส่วนจะเป็นใบสั่งหรือเป็นการดิสเครดิตของฝ่ายตรงข้ามหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่เป็นกำลังใจ และพรรคเพื่อไทยยืนหยัดที่จะหาเสียงด้วยคะแนนนิยมจากนโยบาย ไม่มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงแน่นอน

มนพร ยาเสพติด ยาบ้า -BDEE-13A2E37AD616.jpeg

ผอ.กกต. ยืนยัน ยึดเงินพ่อค้า ไม่มีหลักฐานการซื้อเสียง แค่ตรวจสอบ

ด้าน สมพล พงษ์พิพัฒน์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า กรณีมีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ตรวจยึดเงินสดพ่อค้า ชาว อ.ท่าอุเทน จ.นคพรนม เป็นขั้นตอนตามกฎหมาย หลังมีคนแจ้งเบาะแส จึงเข้าทำการตรวจสอบ แต่ไม่พบหลักฐานการซื้อเสียงแต่อย่างใด จึงมีการตรวจยึดตามขั้นตอนกฎหมายการเลือกตั้ง ป้องกันการซื้อเสียง หากตรวจสอบไม่พบความผิดแล้วจะมีการคืนเงินทันที ส่วนเจ้าของเงิน จะเรียกร้องในส่วนที่ได้รับความเสียหาย สามารถทำได้เพราะเป็นสิทธิ สำหรับการเตรียมพร้อมการเลือกตั้ง ในพื้นที่ จ.นครพนม เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งหมด 4 เขตเลือกตั้ง มีจำนวนหน่วย เลือกตั้ง ทั้งหมด 12 อำเภอ มี 1,133 หน่วย เขตเลือกตั้งที่ 1 177 หน่วย เขตเลือกตั้งที่ 2 มี 278 หน่วย เขตเลือกตั้งที่ 3 มี 277 หน่วย และเขตเลือกตั้งที่ 4 มี 301 หน่วย

สำหรับพื้นที่ จ.นครพนม มีประชากร จำนวน ทั้งหมด 714,943 ราย ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง จำนวน 568,353 ราย คาดว่าจะสามารถรู้ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ประมาณ 22.00 น. วันที่ 14 พ.ค. 2566 ขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานการกระทำกระทำผิดในการซื้อเสียง มีเพียงข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการหาเสียงพาดพิงคู่แข่ง จะได้ตรวจสอบตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป และขอเชิญชวนประชาชน ผู้มีสิทธิ์ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งให้มากที่สุด

IMG_2982.jpeg

แม่ค้าเซ็งแคะกระปุกเงินออมใช้จ่าย ผัวเชียร์เพื่อไทย ถูกยึดเงินกล่าวหาเตรียมซื้อเสียง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ความคืบหน้า กรณีมีตำรวจชุดสืบสวนนครพนม นำโดย พ.ต.อ.กฤติน กอร์ปกุลหิรัญ ผกก.สอบสวนนครพนม ร่วมกับ ชุดเคลื่อนที่เร็ว กกต.นครพนม ทำการจับกุม ตรวจสอบ มานพ (สงวนนามสกุล) ชาว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ขณะขับรถยนต์กระบะเตรียมไปซื้อของ ในพื้นที่ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่สกัดตรวจค้น บริเวณ บ้านแพงสะพัง – หนองไฮ ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เหตุเกิดเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 12 พ.ค. 2566 พร้อมตรวจค้นพบเงินสด เป็นธนบัตร ชนิด 1,000 บาท จำนวน 130 ฉบับ นอกจากนี้ยังมีธนบัตรฉบับละ 500 บาท จำนวน 130 ฉบับ รวมเป็นเงิน 195,000 บาท จึงยึดมาตรวจสอบ ลงบันทึกประจำวัน ที่ สภ.ท่าอุเทน จ.นคพรนม เพื่อมอบหมายให้ ทาง คณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดนครพนม มีการตรวจสอบ เกี่ยวกับความผิดกฎหมายการเลือกตั้ง

ภายหลังทางเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่บ้านพักของ มานพ (สงวนนามสกุล) ชาว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ที่บ้านหนองไฮ ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม หลังถูกตรวจยึดเงินสด รวมเป็นเงิน 195,000 บาท พบว่า เป็นร้านค้าขายของชำ ขายของเบ็ดเตล็ด ขนาดใหญ่ ในหมู่บ้าน มีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องอุปโภคบริโภค ครบวงจร มีเงินหมุนเวียนวันละหลายหมื่นบาท

จากการสอบถาม มานพ (สงวนนามสกุล) ชาว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ที่บ้านหนองไฮ ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เปิดเผยว่า ตนทำค้าขายกับภรรยามาหลาย 10 ปี ถือว่าเป็นร้านค้าใหญ่ขนาดกลางในละแวกนี้ มีการขายของครบวงจร มีเงินหมุนเวียนใช้จ่าย ที่ใช้จ่ายประมาณ เป็นเงิน 1 – 2 แสนบาท จะมีการซื้อขาย ของเข้าร้านทุกวัน แต่เมื่อบ่ายวันที่ 12 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา เสียความรู้สึกมาก ถูกเจ้าหน้าที่ ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ กกต.นครพนม สกัดตรวจค้นรถยนต์ ระหว่างเดินทางไปจับจ่ายซื้อของ ตนยอมรับในการทำงานของเจ้าหน้าที่ และยอมรับว่า เชียร์เพื่อไทย เป็นผู้ช่วยหาเสียง แต่เป็นสิทธิส่วนตัวตามกฎหมาย ที่จะสนับสนุนพรรคการเมือง โดยไม่ได้มีเจตนาหรือทำผิดเกี่ยวกับการซื้อเสียง เป็นเงินที่ติดตัวไปใช้จ่ายหมุนเวียนซื้อของ

มานพยังปฏิเสธต่อเจ้าหน้าที่ ตนให้ความร่วมมือทุกอย่างในการตรวจค้น แต่ไม่มีหลักฐานเอาผิด ไม่เข้าใจว่า ยึดเงินสดเป็นของกลาง อ้างว่านำไปตรวจสอบ สิ่งที่ตามมาคือการค้าขายสะดุด กว่าจะได้เงินคืน 2 -3 วัน ไม่มีเงินหมุนเวียน ตนเชื่อว่าการถูกตรวจยึดเงินสดครั้งนี้ มีคนกลั่นแกล้ง เชื่อว่าเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน เพราะมีหัวคะแนนพรรคการเมืองคู่แข่ง ที่อยู่ใกล้กัน คงฉวยโอกาสแจ้งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบยึดเงิน ซ้ำร้ายยังมีการถูกนำไปเสนอข่าวในทางบิดเบือน ให้สังคมเข้าใจว่า ตนซื้อเสียง โดยได้ประสานงานกับฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป เพื่อความเป็นธรรม ในส่วนที่เกี่ยวข้อง 

ผู้สื่อข่าวรายงาน เพิ่มเติมอีกว่า ขณะเดียวกันในช่วงที่ มานพ (สงวนนามสกุล) ชาว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เจ้าของร้านค้า พูดคุยให้ข้อมูล ทางด้านภรรยาของเจ้าของร้าน ได้นำกระปุกออมเงินออกมาแคะเพื่อนำเงินมาหมุนเวียนใช้จ่ายชั่วคราว เพราะเงินที่ใช้จ่ายหมุนเวียนค้าขายถูกยึดไปหมด โดยระบุว่าเป็นเงินที่เก็บสะสมไว้ มีทั้งธนบัตร 20 บาท ธนบัตร 100 บาท รวมถึงเงินเหรียญ ไม่คิดว่าจะถูกกลั่นแกล้งลักษณะนี้

IMG_2983.jpeg


สมพล พงษ์พิพัฒน์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า กรณีมีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ตรวจยึดเงินสดพ่อค้า ชาว อ.ท่าอุเทน จ.นคพรนม เป็นขั้นตอนตามกฎหมาย หลังมีคนแจ้งเบาะแส จึงเข้าทำการตรวจสอบ แต่ไม่พบหลักฐานการซื้อเสียงแต่อย่างใด จึงมีการตรวจยึดตามขั้นตอนกฎหมายการเลือกตั้ง ป้องกันการซื้อเสียง หากตรวจสอบไม่พบความผิดแล้วจะมีการคืนเงินทันที ส่วนเจ้าของเงิน จะเรียกร้องในส่วนที่ได้รับความเสียหาย สามารถทำได้เพราะเป็นสิทธิ