สำนักข่าว BBC รายงานว่า กระทรวงศึกษาธิการของสหรัฐฯ เปิดเผยว่ามหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกอย่าง 'ฮาร์วาร์ด' และ 'เยล' ไม่ได้รายงานรายรับของมหาวิทยาลัยอย่างครบถ้วนต่อทางการของสหรัฐฯให้ทราบตามกฎหมาย
ตามปกติแล้ว กฎหมายของสหรัฐฯกำหนดให้มหาวิทยาลัยต้องรายงานรายรับ ซึ่งรวมถึงของขวัญหรือการทำสัญญาใดๆที่มีมูลค่าเกิน 250,000 ดอลลาร์ หรือมากกว่า 7,792,000 บาท โดยทั้งสองมหาวิทยาลัยได้กล่าวกับ BBC ว่ากำลังเตรียมตัวที่จะยื่นหลักฐานชี้แจงตอบกลับไปยังรัฐบาลของสหรัฐฯถึงข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์การเดินหน้าตรวจสอบการรับเงินจากต่างชาติของสถาบันทางการศึกษาต่างๆในสหรัฐฯอย่างจริงจัง
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและเยลถูกกล่าวหาว่าอย่างไร?
กระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ ชี้ว่า ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยเยล เลือกที่จะไม่รายงานรายรับจากต่างประเทศโดยสิ้นเชิง และถูกตั้งข้อสังเกตว่ายังปิดบังของขวัญและสัญญาที่ทำกับต่างชาติอยู่อีกราว 375 ล้านดอลลาร์ หรือราว 11,688 ล้านบาท
ขณะที่ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด นั้นขาดความสามารถในการจัดการงบประมาณที่ได้รับมาจากต่างประเทศอย่างเหมาะสมในฐานะสถาบันการศึกษา และไม่รายงานการทำสัญญาและการรับของขวัญจากต่างชาติตามจริง พร้อมทั้งถูกสั่งให้เปิดเผยบันทึกรายรับจากรัฐบาลจีน การ์ตา รัสเซีย ซาอุดีอาราเบีย อิหร่าน รวมถึงบริษัทหัวเว่ยของจีนด้วย
กระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือน ก.ค. 2019 เป็นต้นมา พบว่าสถาบันการศึกษาในสหรัฐฯมีการรับเงินจากต่างชาติอย่างการ์ตา จีน ซาอุดีอาราเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งไม่มีการรายงานต่อทางการแล้วรวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 6,600 ล้านดอลลาร์ หรือราว 205,700 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าตัวเลขจริงอาจมากกว่านี้ และการที่สถาบันการศึกษาในสหรัฐฯรับเงินจากต่างชาติถือเป็น 'หลุมดำ' ที่อาจนำมาซึ่งการมีข้อแลกเปลี่ยนและข้อผูกมัดมากมาย
"นี่คือประเด็นความโปร่งใส หากวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยต่างๆรับเงินและของขวัญจากต่างชาติจริง นักศึกษา ผู้บริจาค และผู้เสียภาษี สมควรที่จะได้รับรู้ว่าจำนวนเงินนั้นคือเท่าใด และมาจากใครกันแน่ แต่เป็นเรื่องน่าเศร้า เพราะยิ่งเราขุดเรื่องนี้ลึกลงไปเท่าใด เราก็ยิ่งเจอหลักฐานมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการรายงานต่ำกว่าจำนวนจริง หรือการไม่รายงานรายรับประเภทนี้เลย" เบ็ตซี เดวอส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯกล่าว