ไม่พบผลการค้นหา
ในการกล่าวปราศรัยปีใหม่ประจำปี เมื่อช่วงคืนวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เรียกร้องให้มีการรวมความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อสนับสนุนกองทัพของรัสเซีย อย่างไรก็ดี ปูตินไม่ได้กล่าวถึงสงครามที่รัสเซียกำลังทำอยู่ในยูเครนอย่างชัดเจนในการปราศรัยปีใหม่นี้

ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวยกย่องทหารรัสเซียว่าเป็น "วีรบุรุษ... แนวหน้าในการต่อสู้เพื่อความจริง" นอกจากนี้ ปูตินยังกล่าวถึงประเด็นทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นหัวข้อสำคัญสำหรับชาวรัสเซียจำนวนมาก และประกาศให้ปี 2567 เป็น "ปีแห่งครอบครัว" ของรัสเซีย

การกล่าวสุนทรพจน์ในปีนี้ของปูตินมีความเงียบงันมากกว่าปีที่แล้ว หลังจากเมื่อปีที่แล้ว ปูตินได้กล่าวสุนทรพจน์โดยมีทหารขนาบข้าง และประธานาธิบดีรัสเซียยังได้เรียกร้องให้มีการเสียสละเพื่อความอยู่รอด โดยในปีนี้ ปูตินได้ปรากฏตัวเพียงลำพังบนหน้าขอโทรทัศน์ ด้วยฉากหลังเดิมที่มีพระราชวังเครมลินตั้งอยู่เบื้องหลัง

“ถึงทุกคนที่อยู่ในจุดสู้รบ แนวหน้าของการต่อสู้เพื่อความจริงและความยุติธรรม คุณคือวีรบุรุษของเรา หัวใจของเราอยู่กับคุณ” ปูตินกล่าวพร้อมระบุเสริมว่า “เราภูมิใจในตัวคุณ เราชื่นชมความกล้าหาญของคุณ”

“เราได้พิสูจน์มาแล้วหลายครั้งว่าเราสามารถแก้ไขปัญหาที่ยากที่สุดได้ และจะไม่มีวันถอย เพราะไม่มีอำนาจใดที่จะแบ่งแยกเราได้” ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าว “เราเป็นหนึ่งเดียวกันในความคิดของเรา ในการทำงานและการสู้รบ ในวันธรรมดาและวันหยุดต่างๆ แสดงให้เห็นคุณลักษณะที่สำคัญที่สุดของชาวรัสเซีย นั่นคือความสามัคคี ความเมตตา และความแข็งแกร่ง”

คำปราศรัยของปูตินใสครั้งนี้ได้รับการบันทึกไว้ล่วงหน้านี้ และออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐก่อนเวลาเที่ยงคืน ในแต่ละโซนเวลาทั้ง 11 เขตของรัสเซีย ทั้งนี้ การกล่าวสุนทรพจน์ดังกล่าวเป็นประเพณีที่ริเริ่มโดยอดีตผู้นำโซเวียตอย่าง ลีโอนิด เบรจเนฟ และเป็นกิจกรรมวันหยุดสำคัญในรัสเซีย ซึ่งมีผู้ชมหลายล้านคนตั้งตารอ

ในช่วงต้นเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ปูตินประกาศว่าเขาจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 5 ในการเลือกตั้งที่มีกำหนดจะมีขึ้นเดือน มี.ค. 2567 อย่างไรก็ดี ตัวแทนฝ่ายค้านในรัสเซียแทบไม่มีเหลืออยู่แล้ว และสื่อของรัสเซียอยู่ภายใต้การควบคุมของปูตินโดยสิ้นเชิง ทำให้มีการคาดหมายอย่างกว้างขวางว่า ปูตินจะประสบกับชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


ที่มา:

https://www.bbc.com/news/world-67853415?fbclid=IwAR2WNp9wsB77tv5xegonDxCNAXf63PtcJXU7J4oBoJzWGCzGROBnff1urQ8