ไม่พบผลการค้นหา
โฆษกเพื่อไทย ชี้รัฐประหาร 8 ปีได้มาซึ่ง 'ประยุทธ์' เป็นนายกฯ อยู่ยาว ทำชีวิตคนไทยจมทุกข์ อนาคตดับวูบ วอนทุกฝ่ายร่วมต่อต้านรัฐประหาร ย้ำอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน

วันที่ 21 พ.ค. 2565 ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นับตั้งแต่ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ยึดอำนาจการปกครองประเทศไปจากมือของรัฐบาลจากการเลือกตั้งที่นำโดยพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ปี 2557 โดยอ้างเหตุของการยึดอำนาจว่าต้องการยุติความขัดแย้งทางความคิดทางการเมืองที่รุนแรง ปัญหาการทุจริต การบังคับใช้กฎหมายที่ทำให้เกิดความเกลียดชังในหมู่ประชาชน ฯลฯ แต่จากวันนั้นจนถึงวันนี้ครบรอบ 8 ปี ประเทศไทยที่มีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหารและนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่กล่าวอ้างได้แม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้ามการยึดอำนาจกลับทำให้ปัญหาดังกล่าวรุนแรงขึ้น ประเทศตกหล่มแห่งความล้าหลัง สิ้นหวัง ล้มเหลว หมดหนทางทำมาหากิน ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป  

รัฐประหารครบ 8 ปี ให้อะไรเราบ้าง

1.คนจนล้นประเทศ กว่า 20 ล้านคน 

2.ประเทศเป็นหนี้ท่วมหัว 10 ล้านล้านบาท 

3.ทุจริตภาครัฐพุ่งทะยานแตะ 3 แสนล้านบาท 

4.คอร์รัปชันเบ่งบาน คะแนนป้องกันปราบปรามตกต่ำ

5.ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไม่ยึดโยงการเปลี่ยนแปลงของโลก ไร้แผนงาน ไร้เป้าหมายที่ชัดเจน

6.อำนาจ ส.ว.จาก คสช.ล้นเหลืออำนาจ ส.ส.ที่มาจากประชาชน

ธีรรัตน์ กล่าวอีกว่า เสียดายโอกาสของประเทศที่กำลังจะไปได้ดีจากรัฐบาลเพื่อไทย ซึ่งเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง หลายโครงการที่เพื่อไทยต้องการจะดิสรัปต์ประเทศ โดยมุ่งหวังให้คนไทยมีศักดิ์ศรียืนหยัดทัดเทียมนานาชาติ แต่โอกาสเหล่านั้นถูกขโมยไปจากคณะรัฐประหาร 

โอกาสของคนไทย ที่ถูกขโมยไปการรัฐประหาร ได้แก่ 

1.ความเท่าเทียมทางการศึกษาที่หายไป จากนโยบาย One tablet per childs ที่จะมีการนำเอาหลักสูตรการสอนลงแท็ปเล็ต

2.โอกาสของเกษตรกร ที่ถูกพรากไปจากการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจากราคาข้าวเปลือกที่ 15,000-20,000 บาทต่อตัน

3.โอกาสด้านการคมนาคมที่ครบลูปทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ที่เชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้านไปถึงประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทั้งหมดถูกตีค่าด้อยลงไป จากการระงับโครงการอนาคตไทย 2020 

4. โอกาสของพี่น้องแรงงานที่จะมีโอกาสลืมตาอ้าปากได้ ด้วยค่าแรงที่จะเพิ่มขึ้น จากที่รัฐบาลน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปรับค่าแรงขั้นต่ำจากที่แรงงานเคยได้ 151-206 บาทต่อวันในปี 2553 มาเป็น 300 บาทหรือปรับขึ้น 40% ทันที แต่ ผ่านมา 8 ปี รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นค่าแรงมาเพียง 13-36 บาท ค่าแรงขั้นต่ำคนไทยอยู่ที่ 313-336 บาทเท่านั้น

ธีรรัตน์ กล่าวอีกว่า หากทุกฝ่ายอยากเห็นประเทศไทยก้าวต่อไปข้างหน้าให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก รัฐประหารต้องไม่เกิดขึ้นอีกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ข้ออ้างของคณะรัฐประหารที่ทำไปโดยอ้างว่าต้องการดำรงไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยของประเทศ แต่การชุมนุมเรียกร้องของกลุ่มเยาวชนและประชาชนในช่วงที่ผ่านมา ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สิ่งที่ประชาชนต้องการคือการเปิดรับความคิดเห็นที่หลากหลายและปากท้องที่กินดีอยู่ดี ไม่ใช่การกดปราบควบคุมเสมือนประชาชนไม่ใช่เจ้าของอำนาจอธิปไตย

“ประเทศไทยไม่ใช่สมรภูมิสู้รบของผู้มีอำนาจกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เพราะสุดท้ายผู้แพ้คือประชาชน ความเจ็บปวดสูญเสียอนาคตจะยังตราตรึงส่งต่อไปถึงลูกหลาน ที่จะไม่สยบยอมต่ออำนาจนอกระบอบการปกครองประชาธิปไตยอีกต่อไป” ธีรรัตน์ กล่าว