ผู้นำของสหภาพยุโรปได้ออกมาวิจารณ์ว่า การตัดท่อส่งก๊าซธรรมชาติของรัสเซียมายังยุโรปเป็นการ “ขู่กรรโชก” ท่ามกลางสถานการณ์ที่โลกตะวันตกยังคงเดินหน้ายกระดับการคว่ำบาตรรัสเซีย จากเหตุผลของการเข้ารุกรานยูเครนที่ไร้ความชอบธรรม ซึ่งปัจจุบันรัสเซียกำลังเดินหน้าเข้ายึดพื้นที่ทางตะวันออกและตอนใต้ของยูเครน โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ของยูเครนตกอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียแล้ว
ยุทธวิธีการตัดท่อส่งก๊าซของรัสเซียมายังโปแลนด์และบัลแกเรียในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรตะวันตกของตนได้ออกมาประกาศเตรียมการมอบอาวุธครั้งใหญ่ให้กับยูเครน เพื่อใช้ในการป้องกันตนเองจากการรุกรานของรัสเซีย โดยเฉพาะโปแลนด์ที่เป็นประตูหน้าของยุโรปในการเป็นทางผ่านของการส่งอาวุธจากชาติตะวันตกมายังยูเครน
อย่างไรก็ดี ยุทธวิธีนี้อาจทำให้รัสเซียต้องกลืนเลือดเอง เพราะในขณะที่ตนเองโจมตีเศรษฐกิจของชาติยุโรปด้วยการตัดท่อส่งก๊าซ เพื่อทำให้ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้น แต่ตนเองกลับขาดแหล่งทุนจากการซื้อขายพลังงานกับทางยุโรปตะวันตกด้วยเช่นกัน โดยก่อนหน้าการประกาศมาตรการตัดก๊าซจากบริษัทกาซพรอมของรัสเซียไม่กี่ชั่วโมง โปแลนด์เพิ่งทำการประกาศคว่ำบาตรบริษัทและมหาเศรษฐีผู้ทรงอำนาจในรัสเซียเพิ่มขึ้น
บัลแกเรียเองที่กำลังมีรัฐบาลหัวเสรีนิยมชุดใหม่ประกาศชัดว่า ตนจะทำการตัดความสัมพันธ์ในหลายด้านของตนเองที่เคยมีกับทางรัสเซียลงเพิ่มเติม บัลแกเรียยังเป็นฐานของเครื่องบินขับไล่ขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือในบริเวณชายฝั่งของทะเลดำด้านบัลแกเรียด้วย
การตัดก๊าซในครั้งนี้จะไม่ได้ทำให้สองชาติได้รับผลกระทบในทันที โดยโปแลนด์เองพยายามจัดหาผู้ขายก๊าซให้กับตนเองรายใหม่แทนรัสเซียตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ตลอดจนการที่ยุโรปกำลังเข้าสู่ฤดูร้อน ซึ่งจะทำให้มีการพึ่งพาก๊าซในการสร้างพลังงานความร้อนเพื่อความอบอุ่นปรับตัวลดน้อยลง นอกจากนี้ สัญญาการส่งก๊าซจากรัสเซียมายังโปแลนด์และบัลแกเรียจะหมดลงในช่วงสิ้นปีนี้พอดี
อย่างไรก็ดี การประกาศตัดการส่งก๊าซของตนเองมายังยุโรปของรัสเซีย เป็นการหวังผลโดยตรงมายังเยอรมนี ชาติยุโรปที่นำเข้าพลังงานเจ้าใหญ่สุดของรัสเซีย ตลอดจนอิตาลีที่เป็นผู้นำเข้าก๊าซรายใหญ่จากรัสเซียด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ข้ออ้างในการตัดการส่งก๊าซมายังโปแลนด์และบัลแกเรียของรัสเซียเกิดขึ้นจากการที่ทั้งสองชาติไม่ยอมจ่ายค่าพลังงานในสกุลเงินรูเบิล
“มันเป็นเรื่องที่ไม่ได้น่าประหลาดใจอะไรที่เครมลินใช้พลังงานฟอสซิลมาขู่กรรโชกพวกเรา” อัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวกับผู้สื่อข่าว “วันนี้เครมลินได้พลาดอีกครั้งจากความพยายามในการหว่านความแตกแยกในหมู่ประเทศสมาชิก ยุคของเชื้อเพลิงฟอสซิลของรัสเซียในยุโรปกำลังจะสิ้นสุดลง”
ทั้งนี้ สหภาพยุโรปกำลังหาหนทางอย่างหนัก เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากทางรัสเซียในระยะยาว ถึงแม้ว่าหลายชาติยุโรปจะถูกวิจารณ์ว่าเงินที่ถูกใช้ไปกับการซื้อพลังงานรัสเซียเป็นเงินทุนของรัสเซียในการทำสงครามยูเครนก็ตาม
ที่มา:
https://edition.cnn.com/2022/04/26/energy/poland-russia-gas/index.html