ไม่พบผลการค้นหา
'ชูวิทย์' ยกหูคุย 'พล.ต.อ.สุรเชษฐ์' เร่งตั้งศูนย์ปราบธุรกิจสีเทาชาวจีนเอาเปรียบคนไทย เปิดผับมั่วสุมยา แง้มมีนักการเมืองระดับบิ๊กอยู่เบื้องหลัง อุบตอบว่าใคร แต่ลั่น "มันคือแป้ง"

วันที่ 26 ต.ค. ที่โรงแรมเดวิส ซอยสุขุมวิท 24 ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย แถลงข่าวสืบเนื่องจากกรณีตำรวจนครบาลบุกจับผับจีนย่านยานนาวา ก่อนจะพบนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมาก และภายในผับยังมีพื้นที่ให้เสพและฝากยาเสพติดอีกหลากประเภท

ชูวิทย์ กล่าวว่า เวลานี้ทุนจีนสีเทาปลุกประเทศไทย แต่ไม่มีใครสนใจสิ่งที่ตนพูด เวลานี้กลายจากทัวร์ 0 เหรียญ มาเป็นผับ 0 เหรียญ กลุ่มที่ทำธุรกิจในแถบยานนาวาคือ 'ต.ห.' หลายเขยอดีตตำรวจดัง ชื่อย่อ ป. ภรรยาก็เป็นตำรวจใหญ่ ส่วนกลุ่มที่สองชื่อ 'หมิง' ทำธุรกิจย่านรัชดาฯ และพัทยา และทั้งสองกลุ่มอยู่ภายใต้อิทธิพลของเจ้าพ่อธุรกิจสีเทาแห่งเมืองหลวง เดิมทำธุรกิจต่างๆ ที่ จ.ภูเก็ต แต่เมื่อไม่มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาทำให้ขาดรายได้ จึงอพยพมาเปิดผับ-บ่อน 0 เหรียญในย่านเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ ซึ่งคนไทยไม่ได้อะไรเลย เพราะคนจีนเปิดบริการธุรกิจครบวงจร และมีเฉพาะคนจีนที่เข้าไปใช้บริการได้ 

"พวกนี้ไม่รับคนไทย เด็กเสิร์ฟยังไม่ไทยเลย คนไทยมีแค่เด็กรับรถ การเปิดธุรกิจพวกนี้นอกจากทำลายเศรษฐกิจยังมีลักทรัพย์ ขู่กรรโชก ตั้งแก๊งคอลเซนเตอร์ เรียกค่าไถ่ ตั้งบ่อน ขายยาเสพติดและไปถึงพนันออนไลน์" ชูวิทย์ ระบุ

สืบเนื่องถึงคดีของหญิงชาวจีนที่เสียชีวิตเพราะสูบยาเกินขนาด บริเวณสถานบันเทิงย่านรัชดาฯ นำมาสู่การทำลายหลักฐานอำพรางศพ จนเพิ่งจะเปิดเผยหลังเสียชีวิตเป็นเดือน ชูวิทย์ ตั้งคำถามว่า สน.สุทธิสาร มัวทำอะไรอยู่ อาจเป็นการจ่ายค่าคุ้มครองให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งจำนวนเงินจะลดหลั่นไปตามชั้นยศ และไม่ใช่การจ่ายตรง แต่จำเป็นต้องมีคนกลางที่มีอิทธิพลทางการเมืองเพื่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่

"ผมเตือนไปถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เคารพรัก ท่านต้องระมัดระวังคนรอบข้าง คนที่เดินตามท่าน คนที่เข้าไปในบ้านท่าน ไปล้างจานที่ครัวท่าน คอยดูด้วย เพราะคนต่างๆ เหล่านี้ล้วนหวังผลประโยชน์ อยากเติบโต ชอบอ้างนู่นอ้างนี่ อ้างว่ารู้จักผู้ใหญ่ เรื่องจริงไม่จริงไม่มีใครรู้ ส่วนพวกนี่ (กลุ่มทุนจีนสีเทา) ก็ต้องเข้าหาสปอตไลต์ที่ใจถึง"

เมื่อถามย้ำว่า นักการเมืองที่อยู่เบื้องหลังคือใคร ชูวิทย์ ไม่ได้ตอบคำถาม เพียงแต่ชูถุงแป้งสีขาวละเอียดขึ้นมาแล้วพูดเสียงดังว่า "มันคือแป้ง"

เมื่อถามต่อไปว่า ที่ได้เอ่ยชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แปลว่า นักการเมืองคนนี้เป็นคนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร หรือไม่ ชูวิทย์ ตอบว่า "แสงอาทิตย์อยู่ที่ไหนล่ะ คนที่เดินตาม พล.อ.ประวิตร มีเป็นพรวน พล.อ.ประวิตร เป็นสปอตไลต์ของการเมือง ถ้าอยากจะมีคะแนนเสียงเป็น ส.ส. คุณก็ต้องใกล้ชิดนักการเมือง คุณก็เห็นว่าตอนนี้ราคาค่าตัวนักการเมือง ... ผมไม่พูดเรื่องการเมืองดีกว่า เอาเป็นว่าเรื่องนี้มีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง"

ชูวิทย์ ย้ำว่า กลุ่มธุรกิจเหล่านี้ไม่มีประโยชน์ต่อสังคมไทย และยังสร้างความอันตราย จึงต้องการส่งเสียงไปสู่สังคม และจะนำส่งข้อมูลหลักฐานทั้งหมดไปให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ดำเนินการ

"เพราะผมเห็นว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นดาวเด่น แต่ถ้าท่านไม่ดำเนินการ ผมจะเล่นงานท่านตามมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ผมให้ข้อมูลครบ อย่าเรียกว่าชูเป็นศรีนะ เพราะผมถือว่าข้อมูลเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยเยาวชนไทยและเศรษฐกิจไทย พวกนี้มันเศษขยะที่ สีจิ้นผิง ไล่ออกจากประเทศ แล้วมาหากินที่ไทย"

ชูวิทย์ ยังเสนอให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เร่งตั้งศูนย์ปราบปราม ใช้ตำรวจที่เข้าใจภาษาและวัฒนธรรมชาวจีนมาดูแล อีกทั้งต้องมุ่งเป้าไปที่ระดับหัวหน้า รวมถึงต้องสืบให้พบเส้นทางการเงิน และหากทำได้ต้องประสานไปยังต่างประเทศให้ช่วยสืบประวัติกลุ่มอิทธิพล หากตั้งใจจริงเชื่อว่าตำรวจไทยสามารถปราบปรามได้แน่นอน และตนยืนยันว่าต้องมีนักการเมืองใหญ่หนุนหลังแน่นอน ก็ขอให้ตำรวจทำตามอุดมการณ์

ทั้งนี้ระหว่างการแถลงข่าว ชูวิทย์ ยกได้โทรฯ หา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ต่อหน้าผู้สื่อข่าว เพื่อกำชับให้ติดตามเรื่องดังกล่าว พร้อมย้ำว่าจะรวบรวมหลักฐานไปมอบให้ โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รับปากว่าจะดำเนินการอย่างจริงจัง ไม่ปล่อยเอาไว้