การเดินทางเยือนเคอร์ซอนของเซเลนสกี เป็นการเดินทางเยือนเมืองที่เพิ่งได้รับการปลดแอกจากการยึดครองของรัสเซีย ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ หลังจากเซเลนสกีกล่าวสุนทรพจน์ของตนจบลง ประชาชนเคอร์ซอนได้ตะโกนชื่อของประธานาธิบดี “เซ เลน สกี! เซ เลน สกี!” กึกก้อง
ประธานาธิบดียูเครนกล่าวยืนยันว่า ทางการยูเครนกำลัง “ติดตั้งสำนักงาน” ของหน่วยงานภาครัฐยูเครนในพื้นที่เคอร์ซอนอีกครั้ง หลังจากการถูกยึดครองภายใต้รัสเซียมาตลอด 8 เดือนที่ผ่านมา เพื่อการเชื่อมต่อเคอร์ซอนกลับเข้ากับยูเครนทั้งประเทศอีกครั้ง
ภาพที่มีประธานาธิบดียูเครนมายืนอยู่ในเคอร์ซอน แตกต่างไปจากภาพที่เคยเกิดขึ้น หลังรถถังที่มีสัญลักษณ์ ‘Z’ ของรัสเซียจอดเต็มทั่วเมือง หลายฝ่ายมองว่าการเดินทางเยือนเคอร์ซอนของเซเลนสกี เป็นสัญญาณการเริ่มต้นของจุดจบของสงครามยูเครน หลังยูเครนตอบโต้และยึดคืนพื้นที่ของตนจากรัสเซียได้อย่างรุดหน้า นับตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา
ชาวเมืองเคอร์ซอนส่วนมากพูดภาษายูเครน อย่างไรก็ดี รัสเซียได้เข้ายึดพื้นที่ดังกล่าวเมื่อช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ก่อนประกาศลงประชามติ โดยมี “เสียงประชามติกว่า 99%” ที่ลงคะแนนเห็นด้วยกับการผนวกเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย พร้อมกันกับอีก 3 พื้นที่ของยูเครน ที่ถูกรัสเซียยึดไป
ประชาชนในเคอร์ซอนให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ตนไม่สามารถอธิบายถึงความรู้สึกโล่งใจ หลังจากการยึดครองของรัสเซียต่อเคอร์ซอนยุติลง ในขณะที่ประชาชนบางฝ่ายระบุว่า ตนรู้สึกว่ากำลังตกอยู่ในภวังค์อะไรบางอย่าง
มีครูรายหนึ่งในเคอร์ซอนระบุว่า นับตั้งแต่รัสเซียเข้ายึดครองพื้นที่เคอร์ซอน รัสเซียได้เปลี่ยนหลักสูตรการเรียนการสอนในโรงเรียน เพื่อปรับเนื้อหาให้เป็นไปตามโฆษณาชวนเชื่อ และการสอนภาษารัสเซียในเมืองที่ประชาชนส่วนมากพูดภาษายูเครน ผู้ปกครองหลายคนตัดสินใจไม่ส่งลูกไปโรงเรียนของระบบรัสเซีย และหันไปให้ลูกหลานเรียนออนไลน์แทน จนทางการรัสเซียที่ยึดครองเมืองเกิดความสงสัย
มีคู่สามีภรรยาที่ออกมาเปิดเผยว่า พวกตนสามารถออกมาเดทกันได้แล้วในรอบเกือบปี หลังจากรัสเซียเข้ายึดครองเมือง ในขณะที่ร้านข้างถนนเริ่มกลับมาขายเบียร์อีกครั้ง บรรยากาศชีวิตของชาวเคอร์ซอนเริ่มกลับเข้าใกล้ภาวะปกติแบบยูเครน หลังการยึดครองที่ยาวนานของรัสเซีย
ก่อนหน้านี้ เซเลนสกีได้ออกมาเปิดเผยว่า หลังจากยูเครนสามารถยึดเคอร์ซอนคืนกลับมาเป็นของตนได้อีกครั้ง ทางการยูเครนพบว่ารัสเซียได้ก่ออาชญากรรมสงครามในเคอร์ซอนอย่างน้อยกว่า 400 กรณี โดยประธานาธิบดียูเครนยืนยันว่า ยูเครนจะนำตัวคนผิดกลับมาลงโทษภายใต้ระบบยุติธรรมให้ได้ ในขณะที่มีรายงานว่า พันธมิตรองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) แนะนำว่า ภายหลังจากการยึดคืนเคอร์ซอน ยูเครนควรเปิดสัญญาณการพร้อมการพูดคุยเจรจากับรัสเซีย
อย่างไรก็ดี เซเลนสกีและทีมบริหารระบุว่า พวกตนแสดงท่าทีที่ชัดเจนว่า ยูเครนจะไม่พูดคุยกับรัสเซีย จนกว่ากองทัพของรัสเซียจะถอนกำลังออกจากพื้นที่ทั้งหมดของแผ่นดินยูเครน รวมถึงดินแดนไครเมียที่รัสเซียยึดและผนวกไปเป็นของตนเองเมื่อปี 2557 และยูเครนไม่ไว้ใจรัสเซียที่จะให้มีการพูดคุย เนื่องจากรัสเซียอาจกลับมาโจมตีพื้นที่ของยูเครนอีกครั้งในอนาคต
ที่มา: