เวลา 10.30 น. ที่ทำการพรรคก้าวไกล รังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเห็นต่อกระแสข่าวว่าอาจมีการเลือกตั้งใหม่ หาก พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถูกศาลวินิจฉัยให้ขาดคุณสมบัติจากกรณีการถือครองถือหุ้นสื่อ
รังสิมันต์ บอกว่า หลังได้ฟังความคิดเห็นจากขั้วอำนาจเก่า ทั้ง วิษณุ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หากมองตอนนี้การเลือกตั้งก็ผ่านมา 2 สัปดาห์แล้ว ตนยังไม่เคยได้ยินคำพูดแสดงความยินดีกับผู้ชนะการเลือกตั้งจาก พล.อ.ประยุทธ์ เลย อีกทั้งยังไม่เห็นการเตรียมความพร้อมในการเก็บข้าวของ เพื่อเตรียมส่งมอบงานให้กับรัฐบาลใหม่ ซึ่งตอนนี้พรรคก้าวไกลมีความพร้อมในการตั้งคณะทำงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาล
และหากเราย้อนมองประเทศประชาธิปไตยหลายประเทศ เรื่องของสปิริตที่สำคัญของผู้ที่เป็นรัฐบาลคือการแสดงความยินดีกับรัฐบาลของผู้ชนะที่มาจากประชาชน แต่ท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ คือ การหวังส้มหล่นจากรัฐบาลของก้าวไกล และคิดว่าไม่สายเกินไปถ้าจะได้ยินจากปากของ พล.อ.ประยุทธ์ และเห็นว่าการแสดงออกแบบนี้ยังเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีต่อรัฐบาลใหม่ นำไปสู่การเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่นในสังคมไทย
ในส่วนของความคิดเห็นของ 'วิษณุ' ที่หยิบยกกรณีคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยาของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมตรี ที่ไปเลือกตั้งและมีคนถ่ายรูปไว้ เกิดเหตุขึ้นเพียงคูหาเดียว แต่ทำให้การเลือกตั้งครั้งนั้นโมฆะทั้งประเทศ รังสิมันต์ บอกว่า ประเด็นนี้ตนจะไม่พูดถึงข้อวิจารณ์ แต่คิดว่าไม่น่าจะเอามาเทียบกันได้ และขอยืนยันอีกครั้งว่า เรื่องหุ้นของบริษัทไอทีวี
พรรคก้าวไกลมีความพร้อมในการต่อสู้ด้านข้อกฎหมาย และเตรียมตัวไว้แล้ว ตอนนี้ยังไม่สามารถลงรายละเอียดอะไรได้ เพราะมีหลายปัจจัยที่มีการเตรียมการในการต่อสู้คดี พร้อมตั้งคำถามว่าจุดประสงค์ของ วิษณุ คือต้องการชี้นำให้ ส.ว. เกิดความลังเลใจหรือไม่ และอยากถามว่าทำไมต้องใช้กระบวนการแบบนี้ เป็นการไม่เคารพเจตจำนงของประชาชนที่ไปเลือกตั้งหรือไม่
“อย่าไปให้ความสำคัญกับความเห็นของ วิษณุ มากนัก ตอนนี้สิ่งที่ วิษณุ ควรทำ คือไปบอกให้ พล.อ. ประยุทธ์ มีสปิริต และช่วยกันเตรียมตัวเก็บข้าวของออกจากทำเนียบ เพื่อส่งมอบให้รัฐบาลชุดต่อไป” รังสิมันต์ กล่าว
ไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ
ผู้สื่อข่าวถามถึงมุมมองต่อข้อเสนอของ จเด็จ อินสว่าง สมาชิกวุฒิสภา เสนอให้มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ โดยมีพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นแกนนำ รังสิมันต์ มองว่า เท่าที่ได้ติดตาม จเด็จไม่เห็นด้วยเรื่องเดียวคือเรื่อง ม. 112 ส่วนตัวมองว่า ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติไปทำไม เพราะตอนนี้ประเทศไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องใช้เงื่อนไขนั้น
อยากขอให้เคารพมติมหาชนจากการเลือกตั้ง ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยกำลังเดินไปได้ดี แม้จะมีเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญที่เป็นอุปสรรค แต่การยอมรับมติมหาชนเมื่อตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ จะสามารถปัญหาและอุปสรรคต่างๆได้ และขอให้พรรคก้าวไกลได้ทำงานเพื่อพิสูจน์ตัวเอง หากพรรคทำงานไม่ดี ประชาชนก็จะตัดสินเราในการเลือกตั้งรอบหน้า
ส่วนกรณีที่ พิธา เดินทางไปพบหน่วยงานราชการท้องถิ่น แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ แสดงออกว่าเป็นการแทรกแซงการทำงานของข้าราชการ รังสิมันต์ บอกว่า ประเด็นนี้ไม่ได้เป็นการละลาบละล้วง แต่เป็นการเตรียมความพร้อมของการจะเป็นรัฐบาลใหม่ ซึ่งพรรคก้าวไกลคิดว่าการพูดคุยกันไม่ได้สร้างปัญหา สำหรับกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เห็นด้วยในการแก้ ม.112 รังสิมันต์ มองว่าตอนนี้มีการชี้นำ ส.ว. จำนวนมาก แต่สิ่งที่เราทำ ก็เพื่อเป็นการเดินหน้าเพื่อเคารพต่อมติมหาชนให้มากที่สุด ในส่วน ม.112 ถึงที่สุดก็ต้องไปแก้กันในสภาฯ และต้องว่ากันไปตามกติกา
ส่วนกรณีมีกลุ่มบรรดานักร้องเตรียมที่จะยื่นเรื่องกรณีที่ ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความในลักษณะชี้นำพรรคก้าวไกลว่าเป็นการครอบงำพรรค รังสิมันต์ มองว่า ถ้าจะบอกว่า ปิยบุตร ไปครอบงำพรรค ก็ต้องมีหลักฐานและข้อเท็จจริงที่มากกว่านี้ ทั้งนี้ ปิยบุตร คือ ประชาชนคนหนึ่ง มีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้ และ ปิยบุตร ก็วิพากษ์วิจารณ์พรรคก้าวไกลอยู่บ่อยครั้งด้วย
ส่วนตัวมองว่าตอนนี้บรรดานักร้อง มีเจตนาจ้องจะทำให้พรรคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ และมีเจตนาชัดเจนว่า ไม่ต้องการเห็น พิธา เป็นนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ดี หลังจากนี้ พรรคก้าวไกลอาจจะเตรียมดำเนินคดีคนที่เอาเรื่องเท็จไปร้อง กกต. ด้วย
‘ก้าวไกล’ ยินดีแผนปรับลดกำลังพล ‘กลาโหม’
ส่วนประเด็นที่สภากลาโหมมีแผนปรับลดกำลังพล รังสิมันต์ บอกว่า ไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องการลอกการบ้าน การที่หลายฝ่ายออกมาเตรียมความพร้อม เป็นเรื่องที่น่ายินดี ขอขอบคุณที่สภากลาโหมมีทิศทางเช่นนี้ เชื่อว่าจะสามารถทำงานร่วมกันได้โดยมีเป้าหมายคือ ปฏิรูปกองทัพ ให้มีคุณภาพและศักยภาพ พร้อมสำหรับความเปลี่ยนแปลงของโลกที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเริ่มเห็นทิศทางที่ดี ขอชื่นชมที่พยายามปรับตัว คงมีเรื่องที่ต้องทำอีกเยอะ ทั้งการเปลี่ยนการเกณฑ์ทหารเป็นระบบสมัครใจ มีได้เฉพาะภัยสงคราม และการปรับลดกำลังพล เป็นทิศทางที่ใกล้กันมากขึ้น