ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์สั่งสอบสวนละเอียดว่า เจ้าหน้าที่จะสามารถป้องกันการโจมตีมัสยิดในเมืองไครสต์เชิร์ชได้อย่างไรบ้าง เพื่อเรียนรู้และปรับปรุงการรับมือการก่อการร้ายต่อไป

จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์สั่งให้คณะกรรมการตรวจสอบเข้าไปสอบสวนระดับสูงเกี่ยวกับการโจมตีมัสยิด 2 แห่งเมืองไครสต์เชิร์ชที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 50 ราย โดยอาร์เดิร์นกล่าวว่าคณะกรรมการนี้จะตรวจสอบว่าตำรวจและหน่วยข่าวกรองยังบกพร่องอะไรบ้างในการป้องกันเหตุโจมตีวันที่ 15 มี.ค.

การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเป็นหน่วยงานระดับสูงสุดภายใต้กฎหมายนิวซีแลนด์สำหรับการตรวจสอบอย่างอิสระจากรัฐบาล และมีผู้พิพากษาศาลสูงสุดนั่งเป็นประธาน คณะกรรมการนี้จะมีอำนาจในการเรียกพยานมาสอบสวน และขอเอกสารหลักฐานจากหน่วยงานต่างๆ ได้ แต่รายงานของคณะกรรมการก็ยังไม่มีผลผูกพันใดๆ ขึ้นอยู่กับศาลหรือรัฐบาลในการนำคำแนะนำของคณะกรรมการไปใช้

อาร์เดิร์นกล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญที่จะพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ในการทำความเข้าใจว่าการก่อการร้ายนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร และเจ้าหน้าที่ควรจะทำอย่างไรเพื่อป้องกันเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ให้เกิดขึ้น มีอะไรที่ควรต้องทำได้ดีกว่านี้ หรือควรจะรู้เรื่องอะไรมากกว่านี้ และการสอบสวนนี้จะไปตรวจสอบเกี่ยวกับการเข้าถึงอาวุธกึ่งออโตเมติกและบทบาทของโซเชียลมีเดียต่อการโจมตีด้วย

ทางการนิวซีแลนด์ได้ประกาศแบนถ้อยแถลงเหยียดเชื้อชาติความยาว 74 หน้าของชายชาวออสเตรเลีย ผู้ก่อเหตุกราดยิงมัสยิดในไครสต์เชิร์ช โดยจัดให้ถ้อยแถลงของกลุ่มชาตินิยมผิวขาวอยู่ในประเภทเดียวกับการโฆษณาชวนเชื่อของไอเอส หากพบใครครอบครองถ้อยแถลงนี้ อาจถูกจำคุกสูงสุด 10 ปี และคนที่เผยแพร่ถ้อยแถลงนี้อาจถูกจำคุกสูงสุด 14 ปี

อย่างไรก็ตาม สตีเฟน แฟรงค์ส โฆษกพันธมิตรเสรีภาพในการแสดงออกของนิวซีแลนด์ แสดงความเห็นว่า การแบนถ้อยแถลงของผู้ก่อเหตุอาจยิ่งทำให้คนสนใจมากขึ้น กลายเป็น "ผลไม้ต้องห้าม" การปราบปรามสิ่งเหล่านี้จะสร้างความเสียหายและความเสี่ยงหนักหนากว่าการเชื่อว่าประชาชนจะมีวิจารณญาณในการมองเห็นความชั่วร้ายและบ้าคลั่งของสิ่งนี้


ที่มา : BBC, Business Insider