ไม่พบผลการค้นหา
‘ประเสริฐ’ เปิดกลโกง ‘ประยุทธ์’ ใช้กระทรวง อว. บังหน้า จัดตั้งโครงการอบรมกำมะลอ เก็บเงินทอนมหาศาล เอามหาวิทยาลัยเป็นเครื่องมือการเมือง มี ‘ส.ปากเสีย’ มือจุดบุหรี่ประจำตัว คอยวิ่งเต้นประสานผลประโยชน์ คาดแบ่งเงินพรรคร่วมฯ ตอบแทนค่านกหวีด

วันที่ 21 ก.ค. 2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จำนวน 11 คน เป็นวันที่สาม ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย อภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กรณีทุจริตต่อหน้าที่ในการใช้งบกลาง วงเงิน 2,051 ล้านบาท

“วุฒิภาวะของ พล.อ.ประยุทธ์ เอง มีความบกพร่อง กล่าวหาผู้อื่นเช่นพรรคร่วมฝ่ายค้านว่ามีแต่นั่งร้าน ไม่มีหัว ท่านเข้าใจผิด พรรคเพื่อไทย มีผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรคือ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ไม่เหมือนท่าน ที่อ้างว่ามีหัว แต่ผมเรียนว่า ท่านมีแต่หัว แต่ไม่มีสมอง”

ประเสริฐ เปิดเผยถึงการหลับหูหลับตาอนุมัติงบกลางให้คนใกล้ชิดตนเอง โดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์และความเดือดร้อนของประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ ได้ใช้ดุลยพินิจ บิดผันอำนาจ ใช้งบฯ ต่างจากเงื่อนไขกฏหมาย โกงกันในที่แจ้งอย่างไม่ละอายใจ ชี้นำ ครม. ใช้กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นฉากบังหน้าในการทุจริต มีลักษณะทำเป็นขบวนการ เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ฮั้ว และไม่ใส่ใจข้อทักท้วงของสำนักงบประมาณ คือจัดทำโครงการซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น

ประเสริฐ กล่าวว่า พฤติการณ์ทุจริตนั้น มีความเร่งรีบรวบรัด จัดทำในวันเดียวจบ คาดว่าเพื่อตอบแทนพวกพ้องที่ได้เป่านกหวีดกันมา โดยตั้งแต่ปี 2563-2563 กระทรวง อว. ได้รับการจัดสรรและกู้เงินไปกว่า 30,639 ล้านบาท และหลายโครงการมีความซ้ำซ้อน โดยได้รับการชี้นำจาก พล.อ.ประยุทธ์ แบ่งได้เป็น 4 มหาวิทยาลัย ได้แก่ ม.มหาสารคาม 2 โครงการ 717 ล้านบาท ม.เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน 1 โครงการ 368 ล้านบาท ม.แม่โจ้ 1 โครงกร 560 ล้านบาท และ ม.ราชภัฏมหาสารคาม 1 โครงการ 408 ล้านบาท

โครงการเหล่านี้ส่อพิรุธตั้งแต่ต้น เช่น ม.แม่โจ้ ในการประชุมคณะกรรมาธิการติดตามการใช้จ่ายงบประมาณฯ ผู้บริหารของมหาวิทยาลัยดังกล่าวได้โทรฯ เข้ามาในกรรมาธิการฯ และเผยว่า ตนไม่ประสงค์จะรับการสนับสนุนงบประมาณ อีกทั้งนายกสภามหาวิทยาลัย ถึงกับกล่าวว่า ใครทำโครงการนี้ มีสิทธิติดคุก ซึ่งนอกจากพรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นผู้สมประโยชน์แล้ว ยังมี นาย ส.ปากเสีย เป็นคนใกล้ชิดที่คอยจุดบุหรี่ไฟฟ้าให้ พล.อ.ประยุทธ์ คอยตามติดขอรับผลประโยชน์จากงบประมาณดังกล่าว

ประเสริฐ อภิปรายไม่ไว้วางใจ  -B5AA-4C8A-819B-14D7EC764FAC.jpeg

ประเสริฐ ได้สำรวจข้อมูลในพื้นที่ ม.เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน พบว่าเป็นโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีนวัตกรรมด้านเกษตรกรรมและสมุนไพร โดยมีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต คือ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจอนุมัติงบกลาง จงใจให้พรรคร่วมรัฐบาลและลูกน้องคนสนิทมารับประโยชน์ อีกรายคือ เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ที่รู้เห็นเป็นใจกับการทุจริต แม้ว่าโครงการจะซ้ำซ้อนกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็ตาม

ขณะที่ นาย ส.ปากเสีย มือจุดบุหรี่ไฟฟ้า หรือ เสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตกรรมการผู้ช่วยนายกรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นคนวิ่งประสานงานผลประโยชน์กับผู้บริหารมหาวิทยาลัยทั้ง 4 แห่ง ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ตน และยังพยายามไปปรากฏตัวตามโครงการต่างๆ ของกระทรวง อว. หลายหน เพื่อแสดงตนว่ามีส่วนร่วมกับโครงการ และร่วมมือกับคนนอกกลุ่มการเมืองอีก 4 คน

“เมื่อ 22 มิ.ย. ที่ผ่านมา นาย ส. ได้เดินทางไป ม.แม่โจ้ เพื่อเจรจาผลประโยชน์ โชคดีอธิการบดี ม.แม่โจ้ ไหวตัวทัน ตอนแรกขอพบส่วนตัว ภายหลังท่านเอาอาจารย์มาหลายคน การต่อรองจึงติดขัดไม่กล้าพูด”

ประเสริฐ ยังได้เผยว่า ในการประสานประโยชน์ดังกล่าวนั้น มีสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เกี่ยวข้องด้วย คือ สุกฤษณ์ วัชรมาลีกุล ซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ประสานงานคนมาร่วมโครงการ และพบว่ามีข้อพิรุธ เพราะปกติผู้ทำหน้าที่นี้ต้องเป็นอาจารย์ผู้มีความเชี่ยวชาญในโครงการดังกล่าว ไม่ใช่บุคคลภายนอก จึงเป็นการนำสถานศึกษาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง

“เรื่องนี้ผมเห็นว่ารัฐมนตรีทั้งคณะต้องรับผิดชอบ เพราะว่าการร่วมกันลงมติ ครม. เมื่อ 19 เม.ย. ปล่อยให้เงิน 2.051 ล้านบาท หลุดไปอยู่ในมือผู้ทุจริต เกิดเงินทอนประมาณ 1.6 พันล้านบาท” ประเสริฐ กล่าว

เมื่อพิจารณารายการค่าใช้จ่ายแล้ว พบข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อนหลายประการ เช่น ค่าอาหาร 4 มื้อ ได้รับจริงเพียง 1 มื้อ ค่าวิทยากร 2 วัน ที่อบรบจริงเพียง 4 ชั่วโมง ค่ารีสอร์ท ที่ไม่มีการพักจริง ค่าบำรุงมหาวิทยาลัย และค่าบริหารโครงการ ที่ไม่ทราบว่าทำไมต้องมี นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้เข้ารับการอบรมเป็นเกณฑ์ใครก็ได้เข้ามา แทนที่เกษตรกรหรือกลุ่มวิสาหกิจจริงจะได้รับประโยชน์ และสถานที่อบรมก็ยังเปลี่ยนไปมา เหมือนหลบๆ ซ่อนๆ ไม่อยากให้ใครรู้อีกด้วย เหตุนี้เอง ตนจึงไม่สามารถไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้