อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่วันนี้ คณะรัฐมนตรีจะพิจารณา ขยายระยะเวลาให้ เปิดสถานบันเทิงได้ถึงตี 4 เพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว ว่า มติของกระทรวงสาธารณสุข ยังไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว และถึงแม้ขณะนี้จะเข้าสู่ช่วงกระตุ้นเศรษฐกิจก็ตามแต่ก็ต้องรักษาสมดุลในทุกมิติ ซึ่งขณะนี้เปิดให้บริการถึงตี 2 อนุทิน มองว่า ก็น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม กับสถานการณ์ที่ยังมีโรคระบาดโควิด 19 อยู่ตอนนี้ รวมไปถึงไม่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุจากการดื่มสุราด้วย
อย่างไรก็ตามในช่วงปีใหม่ที่จะมีการเดินทางพบปะกันมากขึ้น อนุทิน ขอความร่วมมือให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น ก่อนเดินทางกลับภูมิลำเนาเป็นเวลา 1 สัปดาห์ และ ฉีดให้ได้อย่างน้อย 4 เข็ม ยืนยันว่าวัคซีนมีพร้อมให้ประชาชน
ส่วนของขวัญปีใหม่ของกระทรวงสาธารณสุข อนุทินระบุว่า ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเน้นการฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 และเน้นไปที่แพ็คเกจการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นนโยบายประจำของพรรคอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ และอดีตรองนายกรัฐมนตรี จะย้ายไปสังกัดทีมเศรษฐกิจของพรรคพลังประชารัฐนั้น อนุทิน มองว่า มิ่งขวัญ เป็นคนที่มีความสามารถอยู่แล้ว ซึ่งการเลือกตั้งครั้งที่แล้วก็เป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ เป็นพรรคที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ ที่ได้ ส.ส. มาถึง 6-7 คน ก็ถือว่าดี และจากที่ตนได้เคยได้ฟังมุมมองของ มิ่งขวัญ จากรายการด้านเศรษฐกิจ ก็ถือว่า มิ่งขวัญ มีแนวคิดที่ดีในแบบของท่าน มีวิสัยทัศน์ที่ดี ซึ่งมองดูแล้วก็เวิร์ค เป็นคนมีฝีมือจะได้มีโอกาสเข้ามารับใช้บ้านเมือง
ส่วนพรรคภูมิใจไทยจะมีทีมเศรษฐกิจเพื่อมาสู้กับพรรคพลังประชารัฐได้หรือไม่นั้น อนุทิน ระบุว่า ขออย่าพูดว่า”สู้” ผู้สื่อข่าวชอบถามแบบนี้ ทุกคนมีความรู้ความสามารถ ก็มาทำงานร่วมกัน หากเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ก็ช่วยกันทำงาน “แสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง” พรรคภูมิใจไทยทำงานแบบนี้มาโดยตลอด และส่วนใหญ่พรรคภูมิใจไทยก็ให้ความร่วมมือกับทุกพรรค ไม่เคยมีปัญหากับใคร และหากนโยบายไหนเป็นประโยชน์กับประชาชน พรรคภูมิใจไทยไม่เคยมีข้อสงสัย ส่วนใหญ่เราจะเป็นฝ่ายถูกกระทำมากกว่า
ส่วนประเด็นของ ศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.จังหวัดนครพนมพรรคภูมิใจไทย และรองประธานสภาผู้แทนราษฎรไทยคนที่ 2 ที่เป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ อนุทิน ระบุว่า ขอให้ไปถามท่านเอง เพราะท่านเป็นถึงรองประธานสภา ขอให้ท่านอธิบายดีกว่า เพราะไม่มีใครอธิบายได้ดีเท่าท่าน แต่ถ้าหากถามว่าในส่วนของพรรคภูมิใจไทยนั้นเลือกปฏิบัติหรือไม่ ตั้งแต่กำกับดูแล 3 กระทรวงมา จะเข้า 4 ปีอยู่แล้วด้วยเจตนารมณ์ของตน และอุปนิสัยของตน เข้าใจว่าจะต้องรับใช้ประเทศและประชาชนอย่างไร เราไม่เคยเลือกที่รักมักที่ชัง เพราะพรรคภูมิใจไทยคือพรรคของประชาชน เป็นพรรคของคนไทยทุกคน ไม่ว่าคนนั้นจะเลือกพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ก็ตามแต่พรรคภูมิใจไทยยังคงทำหน้าที่ ไม่ได้ดูแลแต่คนที่เลือกพรรคภูมิใจไทย
ส่วนที่มีการจะร้องเรื่องจริยธรรมนั้นก็ขอให้เป็นเรื่องของคู่กรณีเพราะห้ามอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎหมาย
อย่างไรก็ตามในส่วนของหัวหน้าพรรคได้กำชับลูกพรรคให้ระวังเรื่องคำพูดในช่วงนี้ที่จะมีผลต่อการเลือกตั้งหรือไม่นั้น อนุทิน ระบุว่า คนที่เป็น ส.ส ก็มีวุฒิภาวะของเขาอยู่แล้ว ใครพูดหรือทำอะไรหรือประพฤติอย่างไร ก็ต้องรับผิดชอบตัวเองรับผิดชอบต่อการกระทำไม่มีปัญหาอยู่แล้ว