ทำเนียบขาวแถลงว่า ในการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ กับประธานาธิบดีสีของจีน ที่กรุงบัวโนสไอเรสของอาร์เจนตินา เมื่อวันเสาร์ (1 ธ.ค. 2561) ทรัมป์ตกลงที่จะยังไม่ปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ฯ จากอัตรา 10 เปอร์เซ็นต์ เป็น 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเดิมมีแผนที่จะปรับขึ้นในวันที่ 1 มกราคม 2562 ขณะที่ฝ่ายสีจิ้นผิงก็ตกลงระงับแผนดังกล่าวเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ สียังตกลงที่จะซื้อสินค้าในกลุ่มการเกษตร พลังงาน และสินค้าอุตสาหกรรมจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นใน 'ปริมาณมาก' รวมทั้งจีนจะรับพิจารณาคำขอของบริษัทควอลคอมน์ ผู้ผลิตชิปสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดในโลก ที่จะซื้อกิจการของบริษัท เอ็นเอ็กซ์พี เซมิคอนดักเตอร์ ของจีน ซึ่งตั้งอยู่ในเนเธอร์แลนด์ มูลค่า 44,000 ล้านดอลลาร์ฯด้วย หลังจากจีนปฏิเสธคำขอนี้เมื่อเดือนกรกฎาคม
ในการพูดคุยระหว่างอาหารเย็นในการประชุมกลุ่ม จี-20 จีนยังตกลงที่จะประกาศให้ยาเฟนทานิลเป็นสารควบคุมด้วย หลังจากทรัมป์แสดงความวิตกว่า สารสังเคราะห์โอพิโออิดในยาจากประเทศจีนตัวนี้มีพิษร้ายแรงถึงแก่ชีวิต นอกจากนี้ จีนตกลงที่จะเริ่มซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯในทันที
ทำเนียบขาวแถลงว่า หากภายใน 90 วัน ทั้งสองฝ่ายยังหาข้อยุติไม่ได้ในประเด็นที่สหรัฐฯโจมตีว่า จีนบังคับบริษัทอเมริกันถ่ายโอนเทคโนโลยี ฉกฉวยทรัพย์สินทางปัญญา ตั้งกำแพงการค้าที่ไม่ใช่ภาษี โจรกรรมทางไซเบอร์ และไม่ยอมซื้อสินค้าเกษตรให้มากขึ้น ทั้งสองฝ่ายจะขึ้นภาษีจาก 10 เปอร์เซ็นต์ เป็น 25 เปอร์เซ็นต์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: