ประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ พร้อมใจกันเข้าร่วม กิจกรรม "รวมพลังหัวใจสีเขียว ทวงสัญญาปากแหว่ง" ซึ่งเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ จัดขึ้นที่บริเวณลานประตูท่าแพ ในตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อทวงสัญญากรณีการแก้ไขปัญหา โครงการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 5 บนพื้นที่ป่าเชิงดอยสุเทพ ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ โดยเรียกร้องให้รัฐบาล กำหนดความชัดเจนโดยเร็วที่สุดว่าจะมีการรื้อถอนบ้านพัก 45 หลัง และอาคารชุด 9 หลัง พร้อมส่งมอบคืนพื้นที่ ให้ทำการฟื้นฟูป่ากลับมามีสภาพสมบูรณ์โดยเร็ว
หลังจากประมาณ 4 เดือนผ่านมาแล้ว นับตั้งแต่ที่มีการเจรจากับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และมีข้อตกลงร่วมกันว่า จะดำเนินการดังกล่าวรวมทั้งล่าสุด คณะกรรมการระดับจังหวัด ได้จัดทำรายงาน สรุปข้อเสนอ แนวทาง ให้กับทางรัฐบาลแล้ว ว่าเห็นควรให้มีการรื้อถอนบ้านพักและอาคารชุดดังกล่าว โดยกำหนดกรอบเวลาและแนวทางดำเนินการ ให้พิจารณาตัดสินใจแล้ว เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2561 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้กิจกรรม เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้า เวลาประมาณ 07.00 น. มีกลุ่มปั่นจักรยานและรถตุ๊กตุ๊ก พร้อมใจกันขับขี่รณรงค์วนรอบคูเมืองเชียงใหม่ ด้วยการแจกริบบิ้นสีเขียวให้ผู้คนที่ผ่านไปมา ขณะที่ในช่วงเวลา 8.00 น มีขบวนแม่น้ำร้อยสายที่ประกอบด้วย ผู้คนและเครือข่าย ที่จะเข้าร่วมกิจกรรมเดินจาก 4 ทิศ ได้แก่ทิศเหนือเริ่มจากประตูช้างเผือก ทิศใต้เริ่มจากประตูเชียงใหม่ ทิศตะวันออกเริ่มจากสวนสาธารณะริมแม่น้ำปิง บริเวณหน้าคริสตจักรที่ 1 และด้านทิศตะวันตก เริ่มจากหน้าวัดสวนดอก มุ่งหน้าสู่ประตูท่าแพ
จากนั้นในเวลา 9.00 น ได้ตีกลองสะบัดชัยและฟ้อนเชิง เพื่อต้อนรับขบวนแม่น้ำร้อยสาย พร้อมทั้ง จัดกิจกรรมปักธงสีเขียว กิจกรรมปราศรัยบนเวที กิจกรรมกราฟฟิตี้ การจัดนิทรรศการดอยสุเทพ และการเขียนคำสาปแช่งลงในกระดาษ เพื่อประกอบพิธีกรรม สาปแช่ง และฌาปนกิจบ้านป่าแหว่ง ให้ประสบพบเจอแต่ความฉิบหาย ตามแบบล้านนา
นายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ของเชียงใหม่ที่ผู้คนจากทุกสารทิศมารวมพลังกันเพื่อเป็นการทวงสัญญากรณีการแก้ไขปัญหาโครงการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 5 บนพื้นที่ป่าเชิงดอยสุเทพ ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ที่ผ่านมากว่า 4 เดือนแล้วนับตั้งแต่มีการเจรจากับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและมีข้อสรุปเป็นสัญญาข้อตกลงร่วมกันว่าจะทำการรื้อบ้านพัก 45 หลัง และอาคารชุด 9 หลัง ที่รุกล้ำแนวเขตป่าดั้งเดิม พร้อมทั้งทำการฟื้นฟูโดยเร็ว แต่จนถึงเวลานี้ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ ที่เป็นรูปธรรม
โดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นการร่วมกันแสดงพลังทวงสัญญาที่เคยให้ไว้ พร้อมทั้งแสดงความผิดหวังที่การทำงานของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหานี้มีความล่าช้าเป็นอย่างมาก และเน้นย้ำจุดยืนว่าจะมีการติดตามทวงถามเคลื่อนไหวต่อไปจนกว่าจะมีการดำเนินการรื้อถอนบ้านพักและอาคารชุดออกไป พร้อมทำการฟื้นฟูโดยเร็ว ซึ่งต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลมีการประกาศออกมาให้ชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรในเรื่องนี้ว่าจะรื้อเมื่อใด รื้ออย่างไร เพราะคณะกรรมการระดับจังหวัดมีการลงมติและจัดทำข้อเสนอไปแล้วว่าให้รื้อบ้านพัก 45 หลังและอาคารชุด 9 หลัง ส่วนศาลอุทธรณ์ภาค 5 จะย้ายไปเชียงรายแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้สมควรจะได้ข้อยุติที่ชัดเจนได้แล้ว หากยังไม่มีคำตอบจากทางรัฐบาล เครือข่ายจะยกระดับการชุมนุมให้เข้มข้นขึ้นอีก ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการลุกลามบานปลายไปมากกว่านี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง