นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ชี้แจงกรณีที่ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ถือหุ้นในบริษัทที่เป็นคู่สัญญากับรัฐ โดยเป็นหุ้นบริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด จำนวน 5,000 หุ้น ซึ่งตามรัฐธรรมนูญไม่ได้ยกเว้นในเรื่องดังกล่าวไว้ แต่ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยวินิจฉัยว่า การที่รัฐมนตรีมีหุ้นอยู่ก่อนรับตำแหน่งไม่ได้อยู่ในข่ายต้องห้าม ซึ่งตัวเองก็ไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงการถือครองหุ้นเป็นมาอย่างไร แต่โดยหลักการทั่วไปที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยมา ก็ให้ถือว่ายุติตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่หากจะถือครองหุ้นภายหลังเข้ารับตำแหน่งนั้นจะกระทำมิได้

อย่างไรก็ตาม หากหากเป็นหุ้นที่มีอยู่จำนวนไม่มากได้กำไรเล็กน้อย และไม่ทำให้เจ้าตัวต้องออกเสียงในที่ประชุมของคณะกรรมการบริษัทนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องขายหุ้นดังกล่าวออกไปหลังรับตำแหน่ง

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากถือหุ้นไม่เกินร้อยละ 5 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้ตรวจสอบ แต่หากถือหุ้นเกินร้อยละ 5 จะเป็นอำนาจของคณะกรรมการ ปปช. ซึ่งเรื่องดังกล่าวต้องไปสอบถาม นพ.ธีระเกียรติ ว่าเป็นหุ้นประเภทใด 

ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ยืนยันว่าการถือหุ้นสัมปทานของ นพ.ธีระเกียรติ ทำไม่ได้แน่นอน ซึ่งการถือหุ้นที่สามารถทำก่อนดำรงตำแหน่งได้นั้น เป็นหลักการของ ส.ส. ไม่ใช่ในส่วนของความเป็นรัฐมนตรี ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อปี 2553 และต่อมาที่มีรัฐธรรมนูญปี 2560 ก็มีการกำหนดข้อบังคับนี้เหมือนเดิม แค่เป็นการเขียนคนละมาตราเท่านั้น แม้กฎหมายจะกำหนดว่าการถือหุ้น 5% เป็นหน้าที่ กกต. ตรวจสอบ แต่ในประเด็นของรัฐมนตรี เป็นคงละเรื่องกัน เพราะเป็นในส่วนของหุ้นองค์กรที่มีขนาดใหญ่ พร้อมยืนยันว่า แม้แต่หุ้นเดียวก็ไม่สามารถถือได้