แอมะซอน บริษัทอีคอมเมิร์สยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ ยืนยันกรณีการประกาศปลดพนักงานของบริษัทออกหลายร้อยคนกับผู้สื่อข่าวของ CNN โดยส่วนใหญ่นั้นเป็นพนักงานประจำที่อยู่ในสำนักงานใหญ่ในนครซีแอทเทิล มลรัฐวอชิงตันในสหรัฐฯ และขณะนี้ทางบริษัทได้เริ่มต้นกระบวนการแจ้งไปยังพนักงานผู้ที่ถูกปลดจากบริษัทเรียบร้อยแล้ว

แอมะซอน ให้เหตุผลว่าการปลดพนักงานเป็นหนึ่งในมาตรการปรับโครงสร้างบริษัทประจำปี ซึ่งเป็นการปรับลดพนักงานเพียงบางส่วนในบางสำนักงาน เพื่อเปิดรับพนักงานล็อตใหญ่ในสำนักงานสาขาอื่นๆ หลังจากที่แอมะซอนสามารถทุบสถิติตัวเองด้วยการทำกำไรในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วในช่วงเทศกาลวันหยุดปลายปีได้เกิน 2 พันล้านดอลลาร์ภายในช่วงเวลาเพียง 3 เดือน ซึ่งมากที่สุดตั้งแต่การก่อตั้งบริษัทเป็นต้นมา โดย CEO ของบริษัทชี้ว่าเป็นผลพวงจากความสำเร็จของเทคโนโลยี Alexa อุปกรณ์อัจฉริยะสั่งงานด้วยเสียงที่ได้รับความนิยมจากสาวกไอทีอย่างมาก

การปรับลดพนักงานในแอมะซอนสำนักงานใหญ่และบางสำนักงานในสาขาอื่นๆนั้นเรียกได้ว่าเป็นการ 'ลดเพื่อเพิ่ม' อย่างแท้จริง โดยทางแอมะซอนระบุว่าพนักงานที่ถูกเลย์ออฟจากตำแหน่งเดิมจะได้รับข้อเสนอให้ไปรับตำแหน่งใหม่ในการจ้างงานเพิ่มที่สำนักงานสาขาอื่นๆที่แอมะซอนชี้ว่ากำลังจะมีการจ้างงานในตำแหน่งที่จำเป็นเพิ่มอย่างถล่มทลาย

ขณะนี้มีตำแหน่งที่รอการจ้างงานเพิ่มมีมากถึง 3,900 ตำแหน่งที่แอมะซอนสำนักงานใหญ่ในนครซีแอทเทิล และอีกราว 12,000 ตำแหน่งในบริษัทแอมะซอนสาขาต่างๆทั่วโลก พร้อมทั้งระบุด้วยว่าปีที่ผ่านมาแอมะซอนมีการจ้างงานเพิ่มสูงถึง 130,000 คน และมีจำนวนพนักงานรวมกันทั่วโลกกว่า 560,000 คน

ข่าวการปลดพนักงานถูกรายงานครั้งแรกจากสำนักข่าว The Seattle Times เมื่อวานนี้ ซึ่งถูกเผยแพร่ออกมาท่ามกลางการประกาศหาสถานที่สำหรับการก่อสร้างสำนักงานใหญ่ แห่งที่ 2 ของแอมะซอน หรือที่เรียกว่า HQ2 อย่างเป็นทางการ โดยมีการประเมินงบประมาณในการก่อสร้างและดำเนินการต่างๆไว้ที่ 5 พันล้านดอลลาร์ และที่สำคัญ HQ2 แห่งนี้จะสามารถจ้างงานเพิ่มขึ้นราว 50,000 ตำแหน่ง

ตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านไอทีมากมายได้มีการประกาศปรับลดจำนวนพนักงานลงเพื่อรักษาต้นทุนให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้หลังเผชิญกับยอดขายที่ไม่เป็นไปตามเป้า โดยเดือนมีนาคมของปี 2017 บริษัทโบอิง ผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของสหรัฐฯประกาศปลดพนักงานจำนวน 4,000 คนให้ได้ภายในครึ่งปีแรก และคาดว่าจะทยอยปรับลดจำนวนพนักงานไปจนถึงตัวเลขที่มีการคาดการณ์ไว้คือ 8,000 คน โดยในจำนวนนี้รวมถึงระดับผู้จัดการและผู้บริหารระดับสูงด้วย

อีกหนึ่งแบรนด์ยักษ์ที่มีนโยบายปลดพนักงานเมื่อปีที่แล้วเช่นกันก็คือบริษัทไมโครซอฟท์ ทำการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ พร้อมปลดพนักงานราว 3,000 คนทั่วโลก เพื่อให้ความสำคัญไปที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ Azure บริการการจัดเก็บข้อมูลแบบคลาวด์ของไมโครซอฟท์ อย่างไรก็ตามการปลดพนักงานนั้นมีจำนวนไม่ถึง 10% ของพนักงานในฝ่ายขาย และเป็นการพลดพนักงานที่อยู่นอกสหรัฐฯเป็นส่วนใหญ่ราว 75% ของพนักงานทั้งประมาณ 71,000 คนในสหรัฐ และ 121,000 คนที่กระจายอยู่ในต่างประเทศ