การประเมินผลหลังจาก สมช. สั่งให้ตัดไฟฟ้า, งดการขายน้ำมันไปฝั่งเมียนมา และตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต (วันที่ 6-12 ก.พ. 2568) หลังจากการตัดไฟฟ้าผ่านไป 7 วัน ในพื้นที่ จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สหภาพเมียนมา ด้านตรงข้าม จ.ตาก
1 ผลกระทบโดยตรงต่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์
1.1 ปริมาณการใช้ไฟฟ้า และน้ำมัน ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลดลง 50 เปอร์เซ็นต์
1.2 กลุ่มขบวนการฯ ปรับเปลี่ยนมาใช้เครื่องปั่นไฟฟ้า โดยใช้น้ำมันดีเชล จากการประเมินน้ำมันที่สะสมไว้ น่าจะใช้งานได้ประมาณ 30 วัน
1.3 บริษัทที่มีขนาดเล็ก มีการย้ายฐานปฏิบัติการเนื่องจากขาดไฟฟ้า และน้ำมัน บริษัทที่มีขนาดใหญ่ลดระดับการปฏิบัติการลง 50 เปอร์เซ็นต์ และปรับลดจำนวนพนักงาน
1.4 บริษัทของแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการลดจำนวนพนักงาน และปล่อยตัวกลับ โดยเดินทางผ่านเข้ามาในประเทศไทย ทั้งนี้หน่วยความมั่นคงได้ตรวจพบ ให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งการจับกุม ตั้งแต่ 5 ก.พ. 68 มีจำนวน ทั้งสิ้น 92 คน
โดยในวันนี้ 12 ก.พ. 2568 จะมีการส่งตัวมาเพิ่มอีก 53 คน และทราบว่าจะมีการปล่อยตัวเพิ่มเติมในห้วงเวลาต่อไป
2.ความเคลื่อนไหวของ กลุ่ม กกล.BGF และ กกล.DKBA
ปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และพยายามสร้างภาพลักษณ์ด้วยการปราบปราม และการส่งคืนตัวบุคคลที่ถูกหลอกลวงกลับประเทศ อีกทั้งมีความพยายามดิ้นรนหาซื้อน้ำมันจากภายในประเทศเมียนมา
3.สรุป
การที่ทางการไทยตัดปัจจัยในการดำเนินกิจการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การตัดไฟฟ้า, ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต และการงดจำหน่ายน้ำมันไปฝั่งประเทศเมียนมา รวมทั้งการคัดกรองบุคคลต่างชาติทั้งทางบก และทางอากาศ ,การตรวจสอบโรงแรมที่พัก , การป้องกันการลักลอบข้ามแดน ถือว่าส่งผลกระทบโดยตรงต่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำให้กลุ่มขบวนการฯ ต้องย้ายฐานการปฏิบัติและการลดขนาดปฏิบัติการ ในระยะยาวคาดว่าน่าจะส่งผลให้แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ต้องหยุดกิจการ หรือย้ายฐานการปฏิบัติไปยังพื้นที่อื่นๆ
(ขอบคุณภาพ : ประชาสัมพันธ์จังหวัดตาก)