บทสารภาพบาปในทางการเมืองของ “นคร มาฉิม” ไม่ใช่ของใหม่ในทางการเมือง เพียงแต่มาถูกเวลา และถูกจังหวะ ถูกเวลาเพราะปฏิบัติการดูดรอบทิศกำลังทำให้ฝ่ายประชาธิปไตยหวาดหวั่น ถูกจังหวะเพราะสอดรับกับปฏิบัติการส่งสัญญาณของทักษิณจากลอนดอนว่า “พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งครั้งหน้าแบบ Avalanche”
พรรคการเมืองที่ดีดดิ้นเป็นพิเศษ คือ พรรคเก่าแก่สีฟ้า ในฐานะต้นสังกัดเดิมของ “นคร มาฉิม” ช่วงนี้พรรคประชาธิปัตย์พูดเยอะไปหมด จนน่าสงสัยว่า “ไม่เจ็บคอบ้างหรือ?”
เพราะยิ่งดีดยิ่งดิ้น ยิ่งสะท้อนให้เห็น “การให้ราคา” ของสถาบันทางการเมืองอันยิ่งใหญ่ต่อ “นคร มาฉิม” ทั้งที่ โทรโข่งพรรคหลายคนพยายามจะนำเสนอต่อสังคมว่า “เราไม่ให้ราคา นคร มาฉิม” เหมือนที่ โทรโข่งรัฐ เสธไก่อู ออกมาบอกว่า “ก้าวข้ามนายทักษิณไปแล้ว ... เอาสมาธิมาทำงานจะดีกว่า” พูดแบบนี้คือ “ตอแหล” ทั้งเพ
การรัฐประหารก็ดี การส่งบัตรเชิญคณะรัฐประหารโดยพรรคการเมืองบางพรรคก็ดี ไปจนถึงความพยายามใช้กติกาผิดเพี้ยน ผสมพลังดูดประชารัฐ เป็นความพยายามที่สะท้อนให้เห็นว่า “ถึงที่สุด อำมาตย์ไทย ฝ่ายขวาไทย ไม่เคยก้าวข้ามพ้นทักษิณได้”
ย้อนดู “นคร มาฉิม effect” ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
1.“นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถึงกับต้องบรรจงเขียนจดหมายเปิดผนึกยืดยาว ถึง “น้องนคร มาฉิม” : “เอาล่ะ! น้องจะชื่นชมคุณทักษิณ ก็ชื่นชมไป แต่การที่น้องใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์พี่ว่ามันเป็นการกระทำที่ไร้เหตุผลและไร้ซึ่งข้อเท็จจริง แต่เราอย่าเถียงเรื่องนี้กันอีกเลยเอาอย่างนี้ดีกว่า เราตัดสินเรื่องนี้กันแบบปัญญาชน เราเอาคดีนี้ขึ้นสู่ศาลดีกว่า และเรามาพิสูจน์กันให้สิ้นกระแสความว่าใครพูดเท็จใครพูดจริง พี่ขออวยพรให้น้องไปสู่ที่ชอบๆตามความจำเป็นของน้อง แล้วเราค่อยเจอกันในศาลนะครับ”
2. “นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม” อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ : "ทีมกฏหมายพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมดำเนินคดีนายนคร มาฉิม ข้อหาผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ครับ" ขณะเดียวกัน หมอวรงค์ยังบรรจงเขียนวิเคราะห์ผลของจดหมายนายนครถึงนายกทักษิณ 7 ข้อ หนึ่งในนั้นคือ “ผลต่อพรรค ปชป. ช่วงแรกต้องได้รับผลกระทบ จากข้อมูลผิดๆ ที่มีการเขียนขึ้นมาเอง ระยะเวลาผ่านไป ประชาชนก็เข้าใจและมองออก ไม่มีใครที่จะทำอะไรพรรค ปชป.ได้แน่นอน เพราะ ปชป.มีประชาชนเป็นเจ้าของ แต่สิ่งที่ท้าทายพรรคของพวกเรานั่นคือไพร่พลย่อมมีทั้งดีและเลว จะช่วยกันดูแลอย่างไร”
3. “นายราเมศ รัตนะเชวง” รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ : “ข้อกล่าวอ้างของนายนครที่ได้กล่าวให้ร้าย ล้วนแล้วแต่เป็นความเท็จทั้งสิ้น สร้างราคาสร้างประโยชน์ให้กับตัวเอง เป็นนักกฎหมายที่ทรยศต่อความยุติธรรม ให้ร้ายตุลาการ ทรยศต่อบ้านเก่าที่เคยซุกหัวนอน ละทิ้งซึ่งอุดมการณ์ ไร้จริยธรรม ลูกผู้ชายคนดีๆ เขาไม่ทำกัน พรรคเคยให้โอกาสเปรียบเสมือนผู้ให้กำเนิดวันนี้กลับมาด่าผู้ให้กำเนิดมนุษย์ดีๆ เขาไม่ทำกัน”
4. “นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์” รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ : “ไม่ใช่เรื่องประชาธิปัตย์สมคบคิดกับใครให้ยึดอำนาจ แต่เป็นเรื่องรัฐบาลของพวกนายณัฐวุฒิเอง ลุแก่อำนาจ โกงจนมองไม่เห็นหัวประชาชน จนเป็นเหตุให้มีการยึดอำนาจ ทฤษฎีสมคบคิดทางการเมืองที่นายณัฐวุฒิพูดถึง น่าจะเป็นการสมคบคิดกันระหว่างนายนครกับนายณัฐวุฒิ เพื่อหาเหตุใส่ความพรรคประชาธิปัตย์มากกว่า ประมาณว่า นครชง ณัฐวุฒิตบ สมคบกันใส่ความประชาธิปัตย์”
5. “นายวัชระ เพชรทอง” อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ : "อนิจจา คนหนอคน ยืนยันว่าสิ่งที่คุณนครเขียนนั้นเป็นเท็จ และกล่าวร้ายให้พรรคประชาธิปัตย์และวงการตุลาการเสียหาย ผมพร้อมเผชิญหน้ากับคุณนครทุกเวลา ให้เอาสัจจะความจริงมาพูดกัน อย่าหลงไปยกย่องทรราชที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ อย่าเห็นแก่เงินของคนชั่ว" “การที่นายนคร โพสต์ข้อความแบบนี้ เป็นการอกตัญญูต่อองค์พระแม่ธรณี”
6. “นายนราพัฒน์ แก้วทอง” รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ : “อยากจะบอกนายนครว่าอย่ายกเรื่องที่ไม่เป็นความจริงมาพูด เพื่อจะเอาใจ เพื่อทำให้ตัวเองมีบทบาท หรือเอาใจอดีตนายกรัฐมนตรี อยากให้พิจารณาคำพูดของตัวเอง และจะต้องออกมารับผิดชอบ ซึ่งขณะนี้ทางพรรคเองคงจะต้องให้ทีมฝ่ายกฎหมายดูว่าประเด็นไหนที่นายนครพูดออกมาบิดเบือนความจริง จะต้องมีการฟ้องร้อง เพราะทำให้พรรคเสียหาย ที่ผ่านมาพรรค ปชป.เองไม่ได้ให้ความสำคัญกับนายนครอยู่แล้วหลังจากไปอยู่พรรคอื่นหวังตำแหน่ง”
ไม่เพียง สมาชิกพรรคเก่าแก่สีฟ้าจะออกมาแสดงความเห็นกระแทกกลับต่อนครกันอย่างพร้อมเพรียง แต่สื่อฝ่ายขวาอย่าง “สุทิน วรรณบวร” ก็ออกมาร่วมให้ราคา มาฉิม ด้วยวิวาทะร้อนแรง โดยแปลงชื่อใหม่ เรียก “หมาฉิม” ตลอดข้อเขียน “หมาคอกนี้ทิ้งคอกไปหางรางใหม่ทีไรมันงับหางตัวเองทุกที แต่ไอ้หมาฉิม อ้างผลงานของประชาชนที่เสียสละชีวิตเลือดเนื้อ กำลังทรัพย์กำลังกาย ไม่พอยังออกมาเห่าหอนกระดิกขอโทษโจรปล้นแผ่นดิน ที่ผู้คนช่วยกันไล่ออกไป จึงพูดได้ว่าบรรดาหมาที่งับหางตัวเองของคอกนี้ ไอ้หมาฉิมชั่วช้าบัดซบสิ้นดีตรงที่มันทำลายชื่อเสียงผลงานของประชาชน”
ต่อ Effect ที่ได้รับ “นคร” ตอบกลับอย่างเรียบง่ายว่า “อยากกราบเรียน พี่น้องประชาธิปัตย์ที่เคารพรักทุกท่านว่าแทนที่ท่านจะหาทางดำเนินคดีตามกฎหมายกับผม เบื้องต้นอยากเชิญชวนทุกท่านมาร่วมอุดมการณ์เดียวกันเพื่อประชาชนและประชาธิปไตยและต่อสู้กับระบอบเผด็จการ ที่ยึดอำนาจของประชาชนไป ปกครอง กดขี่ ข่มเหง ประเทศชาติ และพี่น้องประชาชน รวมถึงนักการเมืองและพรรคการเมืองมาหลายปีแล้วก่อนดีไหมครับ”
นคร ให้สัมภาษณ์ Voice TV เช้านี้ มีหลายประโยคท้าชนและน่าติดตาม เขาย้ำว่าไม่กลัวการถูกดำเนินคดีใดใด “ทุกอย่างไปว่ากันที่ศาล มีหลักฐานทุกอย่าง” “ผังล้มเจ้าของปลอม แต่ผังล้มประชาธิปไตยของจริง” ต่อจุดยืนทางการเมือง นครประกาศว่า “พรรคไหนที่เป็นเครือข่ายของฝ่ายเผด็จการ ผมก็จะเป็นศัตรูกับพรรคนั้น เหมือนกันกับถ้าวันหนึ่ง คุณทักษิณ ไปหนุน พลเอกประยุทธ์ ก็เท่ากับ คุณทักษิณก็จะเป็นศัตรูของผมด้วย”
ข้อสังเกตต่อลีลาพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงนี้ ทำให้พบว่า เมื่อไร้หลักยึดทางการเมือง ว่าจะไปทางไหนดี จะยึดเอาอุดมการณ์แบบไหนมานำพรรคดี ผลก็คือดีดดิ้นไปวันๆ ตามแรงลม มีแรงปะทะของ “นคร มาฉิม” เข้ามาที ก็ดิ้นเข้าไปให้หลุดโลก
เห็นทีที่ประเมินกันว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นพรรคต่ำกว่า 100 หรือ ได้เก้าอี้ ส.ส.ต่ำกว่า 100 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง คงไม่ไกลเกินเอื้อม
“นคร มาฉิม Effect” เป็นตัวอย่างน้ำจิ้มของนายใหญ่ที่ส่งออกมาเพื่อหวัง Avalanche ในทางการเมือง คำต้องใหญ่โต เพื่อปลุกพลังทางการเมือง และเตือนลูกพรรคในไทย ด้วยเหตุนี้ กรณีมาฉิม Effect จะไม่ใช่กรณีแรกที่ออกมาสร้างสตอรี่ใหม่ๆ ในทางการเมือง แต่จะได้พบเห็นของน่าตื่นตาตื่นใจอีกมาก ระหว่างนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้ง ดูสีเสื้อนายกทักษิณ และนายกยิ่งลักษณ์ให้ดี จะพบ “ความเป็นไปได้ใหม่ใหม่ในทางการเมือง”
