น.ส.วิมล ถวิลพงษ์ รองประธานชุมชนใต้สะพาน (ชุมชนพูนทรัพย์) เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากการทำงานในชุมชนรวมถึงพื้นที่อื่นๆ พบว่า ยังมีคนไทยที่ไม่มีบัตรประชาชนอยู่มาก กลายเป็นคนไทยไร้สิทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิการรักษาพยาบาลและบริการสาธารณสุข หนึ่งในปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิตที่ควรเข้าถึงสิทธิ แม้ที่ผ่านมาได้ร่วมกับมูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัยและภาคีเครือข่าย ผลักดันให้คนไทยไร้สิทธิส่วนหนึ่งได้รับการพิสูจน์สถานะและทำบัตรประชาชนไทยได้แล้ว แต่ยังคงมีคนไทยกลุ่มที่ตกสำรวจที่ยังไร้สิทธิไร้บัตรประชาชนอยู่จำนวนมาก โดยกระจายอาศัยอยู่ในจังหวัดต่างๆ
ดังนั้นเพื่อให้เกิดการคุ้มครองและดูแลคนไทยด้วยกันให้ได้รับสิทธิ โดยเฉพาะสิทธิการรักษาพยาบาล จึงมีข้อเสนอต่อกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้ออกประกาศขึ้นทะเบียนคนไทยที่ไม่มีบัตรประชาชน และให้คนเหล่านี้ได้รับสิทธิด้านสุขภาพก่อน ส่วนขั้นตอนการพิสูจน์สิทธิสถานะเพื่อให้ได้บัตรประชาชนขอให้ดำเนินการตามมาในภายหลัง เช่น การตามหาญาติยืนยัน การตรวจดีเอ็นเอ เป็นต้น รวมถึงสิทธิอื่นในฐานะคนไทย
น.ส.วิมล กล่าวว่าเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้วเคยเสนอจัดตั้ง “กองทุนเพื่อดูแลคนไทยที่ไม่มีสิทธิรักษาพยาบาล” ให้เข้าถึงบริการในเวทีรับฟังความเห็นต่อระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จัดโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อให้คนไทยเหล่านี้เข้าถึงบริการสุขภาพก่อน เพราะล้วนเป็นคนไทยด้วยกัน เพียงแต่มีปัญหาการทำบัตรประชาชน อาทิ บางคนพ่อแม่ไม่แจ้งเกิด หนีทหารกลัวถูกจับทำให้ไม่กล้าต่อบัตรประชาชน บางคนหนีออกจากบ้านมาก็ไม่ได้ต่อบัตรประชาชน เป็นต้น ทำให้คนเหล่านี้กลายเป็นคนไทยที่ตกสำรวจไป ซึ่งได้นำมาสู่ข้อเสนอออกประกาศขึ้นทะเบียนคนไทยไม่มีบัตรประชาชน และการสำรวจจำนวนคนไทยไร้สิทธิ์ โดยมูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างดำเนินการขณะนี้
“ในการทำงานที่ผ่านมา จากที่ได้พาคนเหล่านี้ไปทำบัตรประชาชน บางสำนักงานเขต เจ้าหน้าเขตที่คอยอำนวยความสะดวกและช่วยค้นหาข้อมูลญาติให้ ทำให้สามารถติดต่อเพื่อมายืนยันสถานะตัวตนได้ แต่หลายเขตเจ้าหน้าที่ต่างปฏิเสธ บอกว่าเป็นการละเมิดสิทธิบุคคลอื่น ดังนั้นจึงอยากให้ พม.ประกาศขึ้นทะเบียนคนไทยที่ไม่มีบัตรประชาชน เพื่อให้เจ้าหน้าที่เขต เจ้าหน้าที่อำเภอและจังหวัดมีบรรทัดฐานเดียวกัน ช่วยค้นหาข้อมูลในการพิสูจน์สถานะบุคคล เพื่อให้ได้สิทธิความเป็นคนไทยกลับคืนมา”น.ส.วิมล กล่าวและว่า ไม่ได้ขออะไรมาก เพียงแต่อยากให้สืบค้นว่าญาติเขาอยู่ที่ไหน เพื่อที่จะได้ไปตามหาและให้มายืนยันสถานะให้เท่านั้น
น.ส.วิมล กล่าวว่า กรณีของนางไอ๊ วาเส็ง อายุ 66 ปี ชาวชุมชนพูนทรัพย์ ที่เป็นคนไทยตกสำรวจคนหนึ่งถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน เกิดในประเทศไทย พ่อแม่พี่น้องเป็นคนไทย มีหลักฐานยืนยันหมด แต่กว่าจะได้รับสิทธิรวมถึงสิทธิการรักษาพยาบาลที่ควรได้รับการดูแลตั้งแต่มีหลักประกันสุขภาพแห่งชาติก็เมื่ออายุมากแล้วคือ 65 ปี ทั้งยังป่วยเป็นผู้ป่วยติดเตียง หากก่อนหน้านี้มีบัตรประชาชนคงได้ใช้สิทธิบัตรทองไปรักษาแต่เนิ่นๆ ไม่ปล่อยให้ทรุดจนต้องกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงเช่นทุกวันนี้
นอกจากนี้ยังมีกรณีพ่อเป็นต่างชาติ แม่เป็นคนไทย แต่เด็กที่เกิดมากลับไม่ได้รับสัญชาติไทย เพราะไม่ได้แจ้งเกิด รวมถึงกรณีที่เขตราชเทวีที่แม่อุ้มลูกหนีจากโรงพยาบาลเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าคลอด และไม่กล้าไปแจ้งเกิดเนื่องจากกลัวถูกจับ จนขณะนี้ลูกอายุ 20 ปีแล้ว กรณีนี้เราพาไปทำบัตรประชาชนโดยมีญาติและหลักฐานยืนยันได้ เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยยังมีคนไทยที่ตกอยู่ในฐานะประชากรแฝงอยู่มาก ภาครัฐควรดูแลและคืนสิทธิความเป็นคนไทยให้กับคนเหล่านี้
ขอบคุณภาพประกอบ Photo by Fancycrave on Unsplash