ไม่พบผลการค้นหา
ตัวเลขผู้ตกงานในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 38.6 ล้านคน ภายใน 9 สัปดาห์ หลังสหรัฐฯ ประกาศล็อกดาวน์ เทียบเท่ากับช่วงวิกฤตเศรษฐกิจทศรรษ 1930

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยสถิติระบุว่า ภายใน 9 สัปดาห์ที่มีการล็อกดาวน์ ส่งผลกระทบให้เกิดการเลิกจ้างงานเป็นจำนวนมากและชาวอเมริกัน 38.6 ล้านคนตกงาน แม้ว่าในสัปดาห์นี้อัตราการว่างงานจะลดลง 

ข้อมูลของทางการสหรัฐฯ ระบุด้วยว่า ช่วงที่มีคนตกงานเยอะที่สุดคือช่วงต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา มีคนตกงานถึง 6.6 ล้านคน ในสัปดาห์แรกของเดือนเม.ย.

ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วชาวอเมริกัน 2.4 ล้านคนยื่นขอสิทธิประโยชน์ทดแทนสำหรับลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง โดยแคลิฟอร์เนียมีผู้ยื่นขอสิทธิประโยชน์ฯ ถึง 246,115 ราย ตามมาด้วยนิวยอร์ก 226,521 ราย และฟลอริด้า 223,927 ราย

ในช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาจนถึง 9 พ.ค.รัฐบาลสหรัฐฯ ได้จ่ายสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ตกงานให้ประชาชนชาวอเมริกาแล้วกว่า 25.07 ล้านราย ซึ่งคิดเป็น 17.2 เปอร์เซ็นต์ของแรงงานทั้งหมดในสหรัฐฯ

จำนวนตัวเลขผู้ตกงานที่ทางการสหรัฐฯ รายงานเกือบ 39 ล้านคนนั้น คิดเป็น 14.7 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นอัตราที่มากที่สุดนับตั้งแต่มีการบันทึกมา

ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่า การเลิกจ้างจะเกิดขึ้นสูงสุดในเร็วๆ นี้เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อเริ่มมีการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกครั้ง ท่ามกลางความกังวลของหลายฝ่ายว่า การเลิกจ้างงานชั่วคราวในช่วงล็อกดาวน์นั้นอาจจะเป็นการเลิกจ้างงานถาวรในอนาคต ซึ่งอาจจะมีผู้ตกงานถึง 20 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรสหรัฐฯ ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

ที่มา Financial times / the guardian