การโจมตีในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศมอบความช่วยเหลือด้านอาวุธแก่ยูเครนเพิ่มอีกมูลค่า 3.75 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.26 แสนล้านบาท) และความช่วยเหลือด้านอื่นๆ รวมถึงการจัดส่งรถหุ้มเกราะแบรดลีย์ครั้งแรก ซึ่งรถหุ้มเกราะดังกล่าวมีฉายาว่าเป็น “รถถังสังหาร”
ทั้งนี้ การมอบความช่วยเหลือด้านทหารเพิ่มเติมของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ ซึ่งคล้ายกับการมอบความช่วยเหลือของเยอรมนีต่อยูเครนก่อนหน้า เกิดขึ้นหลังจากการคาดการณ์ว่า รัสเซียอาจยกระดับการรุกรานเพิ่มเติม นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังได้ร้องขอให้อิตาลีส่งมอบความช่วยเหลือระบบการป้องกันทางอากาศแก่ยูเครนเพิ่มเติมด้วย
ทางการยูเครนระบุว่าประเทศของตัวเองต้องการระบบป้องกันทางอาากาศ เพื่อป้องกันโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนที่ถูกเล็งเป้าหมายโดยรัสเซีย และการผลักดันกองทัพของรัสเซียที่เพิ่มมากขึ้นเข้ามายังด่านหน้ายุทธการของตัวเอง โดยเจ้าหน้าที่อาวุโสของยูเครนระบุว่า พวกเขาต้องการยานพาหนะทหารราบ 600-700 คัน และรถถังอีก 300 คันในการรับมือรัสเซีย
โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ออกมากล่าวยกย่องการมอบความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ว่าเป็น “สิ่งที่ (ยูเครน) ต้องการพอดิบพอดี” ในขณะที่การสู้รบกำลังปะทุขึ้นทั่วประเทศ โดยปัจจุบันนี้ การสู้รบที่รุนแรงที่สุดเกิดขึ้นในเมืองเครมินา บริเวณพื้นที่ลูฮานสก์ของยูเครน โดยแรงกดดันในพื้นที่อาจเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัสเซีย ในการยึดเมืองบักห์มุตทางตะวันออก ซึ่งถูกขัดขวางโดยกองกำลังยูเครนไปก่อนหน้านี้
การสู้รบของรัสเซียในพื้นที่ยูเครนส่งผลให้มีประชาชนจำนวนมากได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยการยิงถล่มในครั้งล่าสุดนี้ ส่งผลให้มีชายวัย 66 ปี และหญิงวัย 61 ปี ซึ่งเป็นพลเรือนยูเครนที่เสียชีวิตลงจากการถล่มยิง ยังมีประชาชนอีก 13 รายที่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตืครั้งล่าสุดเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย สั่งให้กระทรวงกลาโหมรัสเซียออกคำสั่งหยุดยิงเป็นเวลา 36 ชั่วโมงในด่านหน้าสงครามที่ยูเครน ระหว่างวันคริสต์มาสอีฟในวันศุกร์ (6 ม.ค.) และวันคริสต์มาสในวันเสาร์ (7 ม.ค.) ตามความเชื่อของนิกายออร์โธดอกซ์รัสเซีย อันเป็นคำขอจากพระสังฆราชคิริลล์แห่งมอสโก ประมุขศาสนจักรออร์โธดอกซ์รัสเซีย เพื่อให้ศาสนิกชนสามารถเดินทางไปยังโบสถ์เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา โดยคำสั่งดังกล่าวไม่ได้เป็นไปเพื่อการลดระดับสถานการณ์สงครามลงแต่อย่างใด
หลังจากการประกาศข้อกำหนดหยุดยิงฝ่ายเดียวของปูติน ทางการยูเครนได้ออกมาปฏิเสธข้อกำหนดหยุดยิงดังกล่าวของรัสเซียในทันที โดยเซเลนสกีกล่าวว่ารัสเซียต้องการใช้การพักรบเป็นเกราะกำบังเพื่อหยุดการรุกคืบของยูเครนในภูมิภาคดอนบาสตะวันออก และนำกำลังพลและอุปกรณ์ของตัวเองเข้ามาเพิ่มเติม ก่อนที่รัสเซียจะทำการยิงถล่มยูเครนในครั้งล่าสุด ขัดกันกับการประกาศข้อกำหนดหยุดยิงเพียงม่ายเดียวของตัวเอง
ที่มา: