นางสาวศรีโสภา โกฏคำลือ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จากปัญหาที่ดินทับซ้อนบริเวณนิคมสร้างตนเองเขื่อนภูมิพล ในท้องที่อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีปัญหาตั้งแต่พ.ศ. 2512 แล้ว ที่ผ่านมาผู้แทนจากกรมป่าไม้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันตรวจสอบการทับซ้อนของพื้นที่ พบว่าป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ตาล และป่าแม่ยุย ทับซ้อนกับพื้นที่นิคมสร้างตนเอง เนื้อที่ประมาณ 31,106 ไร่ ประกอบด้วยพื้นที่ในกิจการนิคมสร้างตนเองเขื่อนภูมิพล เนื้อที่ประมาณ 16,011 ไร่ เห็นควรให้เพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติออกจากพื้นที่นิคมสร้างตนเอง ส่วนพื้นที่ที่มีสภาพป่า เนื้อที่ประมาณ 15,096 ไร่ ให้กันไว้เป็นป่าสงวนแห่งชาติ โดยให้อยู่ในความดูแลและรับผิดชอบของกรมป่าไม้ต่อไป สำหรับป่าแม่หาด ทับซ้อนกับพื้นที่นิคมสร้างตนเอง เนื้อที่ประมาณ 31,521 ไร่ เห็นควรให้เพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติออกจากพื้นที่นิคมสร้างตนเอง และพื้นที่ที่มีสภาพป่า เนื้อที่ประมาณ 7,519 ไร่ ให้กันไว้เป็นป่าสงวนแห่งชาติ โดยให้อยู่ในความดูแลและรับผิดชอบของกรมป่าไม้ต่อไปเช่นกัน
นางสาวศรีโสภา กล่าวต่อว่า ล่าสุดนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชี้แจงว่า การเพิกถอนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาตินั้น ในขณะนี้ กรมป่าไม้อยู่ระหว่างการจัดทำร่างของกฎกระทรวง และการตรวจสอบร่างแผนที่ท้ายกฎกระทรวง ในการเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ บริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่หาด มีพื้นที่ที่จะดำเนินการเพิกถอนประมาณ 23,900 ไร่โดยประมาณและป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ตาลและป่าแม่ยุย มีพื้นที่ที่จะดำเนินการเพิกถอนประมาณ 16,015 ไร่ นี่คือสิ่งที่ทางกรมป่าไม้กำลังดำเนินการอยู่
“ โดยนายเฉลิมชัย รับปากจะช่วยเร่งดำเนินการอย่างเร็วที่สุด เพราะตระหนักถึงความจำเป็นของพี่น้องประชาชนในการที่จะได้มีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย และแนวทางการแก้ไขปัญหานี้จะถูกนำไปบูรณาการในการทำแผนที่ ที่เรียกว่า one map ได้ต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ขอยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยจะยังคงติดตามความคืบหน้าต่อไปและจะนำมาเรียนให้พี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่ อำเภอดอยเต่า และอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้เสียสละอย่างยิ่งในการย้ายถิ่นฐานบ้านเกิดจากจังหวัดตาก ในการก่อสร้างเขื่อนภูมิพล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 อย่างเต็มที่” นางสาวศรีโสภา กล่าว