พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงกรณีที่สั่งการให้ท้องถิ่นจัดหลักสูตรอบรมช่วง 3 เดือนก่อนเลือกตั้งว่า ในวันนั้นอาจจะใช้คำพูดหนักไปหน่อยในเรื่องการอบรมพิเศษ แต่ตนต้องการสร้างความรับรู้และความเข้าใจ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยสร้างการรับรู้ไปบ้างแล้ว แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือทำอย่างไรให้ประชาชนในท้องถิ่นเข้าใจว่า ควรจะมีการบริหารราชการที่มีธรรมาภิบาลซึ่งมีทั้งหมด 6 ข้อได้อย่างไร ซึ่งประชาชนต้องรู้ว่ากระบวนการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น และใช้งบประมาณจากส่วนใด เพราะที่ผ่านมาได้มีการพูดในเรื่องดังกล่าวไปแล้ว และสื่อนำไปขยายในโซเชียลแต่ยังไม่เกิดความทั่วถึง ดังนั้นจึงต้องมีกระบวนการสร้างการรับรู้แต่ไม่ใช่ให้ไปสนับสนุนใคร จึงขออย่ามองทุกอย่างเป็นการเมืองทั้งหมด และในส่วนของท้องถิ่นไม่ใช่ว่าจะไปสนับสนุนพรรคไหนหรือเลือกใคร แต่จะต้องไปบอกว่าท้องถิ่นมาจากการเลือกตั้ง
พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ต้องสร้างหลักคิดว่าประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้มีหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงตามรัฐธรรมนูญใหม่และพระราชบัญญัติใหม่ที่ออกมา เพื่อให้เกิดความเข้าใจเมื่อถึงเวลาออกมาเลือกตั้ง เพราะที่ผ่านมาอาจไม่ครบถ้วนเพียงร้อยละ 60-70 ซึ่งตนเองอยากให้ออกมาเลือกตั้งทุกคนถึงร้อยละ 90 หากประชาชนไม่ทราบว่าที่ออกมาเลือกตั้งสำคัญอย่างไรทุกอย่างก็จบ ดังนั้นจึงต้องบอกว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปเป็นหน้าที่ของคนทั้งส่วนกลาง ภูมิภาค ท้องถิ่น ประชาชนทั้งรายได้มากและรายได้น้อย ซึ่งหลายอย่างที่มีการเปลี่ยนแปลงว่า การสมัครสมาชิก ค่าใช้จ่ายค่าบำรุงพรรค การใช้บัตรใบเดียว และหากไม่ออกมาเลือกตั้งจะเกิดอะไรขึ้น ออกมาเลือกตั้งจะเลือกคนไหน หรือไม่เลือกใครจะเกิดอะไรขึ้น หากมีการบิดเบือนก็จะวุ่นวายอีกในภายหลัง
หวั่นปลดล็อกการเมืองเกิดวุ่นวาย
พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่า ตนไม่มีฐานเสียงอะไรทั้งสิ้น เพราะทุกอย่างถูกจับตาโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งรัฐบาลต้องอยู่ตรงกลางให้ได้และต้องขับเคลื่อนสิ่งใหม่ๆ เพราะทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นอย่างไรดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่ขณะนี้กำลังทำทุกอย่างให้โปร่งใส ดีขึ้นและชัดเจนขึ้น เชื่อว่าทุกคนจะเข้าใจยกเว้นบางคนที่ไม่อยากเข้าใจมีอะไรก็มีปัญหาไปทั้งหมด ซึ่งตนเองไม่อยากให้ทุกอย่างกลับไปที่เดิม ทั้งนี้ ต้องจัดระเบียบบ้านเมืองให้ได้ว่า จะสร้างการรับรู้ให้ได้ว่าการร่วมมือกัน และการใช้งบประมาณจะคุ้มค่าหรือไม่ โดยการเลือกตั้งจะได้รัฐบาลและส.ส.ที่ดีและทำเพื่อคนทั้งประเทศได้อย่างไร
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ที่ตนพูดไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใคร ไม่ได้อยู่พรรคใดทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นอย่างเพิ่มกังวลกับเรื่องนี้ ตนไม่อยากให้ฟังนักการเมืองให้มากนัก ฟังได้แต่ไล่ล่ากับตน เนื่องจากเป็นคนละเรื่องกัน แยกแยะให้ออกว่าตนกำลังทำอะไรและเขากำลังทำอะไร ซึ่งเขาพยายามเตรียมการไปสู่การเลือกตั้งของเขา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กังวลหากถึงช่วงการปลดล็อกจะวุ่นวายหรือไม่ ดังนั้นทุกคนต้องช่วยตนลดความขัดแย้งตรงนี้ ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองเสียหาย การลงทุนต่างๆหรือการท่องเที่ยวจะติดขัดชะงักไปหมด และจะได้รัฐบาลแบบเดิมๆเข้ามาที่ชนะมาด้วยความขัดแย้งบิดเบือนซึ่งกันและกัน และจะได้รัฐบาลที่ดีมาหรือไม่
'ไพบูลย์' หนุนเลือกตั้ง 24 ก.พ. 62
ด้าน นายไพบูลย์ นิติตะวัน ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ยืนยันว่า พรรคประชาชนปฎิรูปนั้น เห็นด้วยกับการไม่สร้างความวุ่นวาย และไม่เห็นด้วยกับการหาเสียงที่มีการด่าทอว่ากล่าวกัน ซึ่งคาดว่าหลังจาก พ.ร.บ.รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มีผลบังคับใช้จะมีการประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งตามมา เพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้ พร้อมทั้งมองว่าการเลือกตั้งควรเกิดขึ้นในวันที่ 24 ก.พ. 2562 เพราะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ส่วนพรรคใหญ่ที่ไม่เห็นด้วยหากต้องการให้เลือกวันไหนก็ให้ประกาศออกมา ส่วนเรื่องได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างพรรคเล็กกับใหญ่นั้น มองว่า หากต้องการทำงานเพื่อสาธารณะไม่ควรพูดถึงเรื่องดังกล่าว เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน การที่มัวแต่ยึดติดเรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบไม่ใช่วิธีการคิดเพื่อทำงานระดับชาติ